อดีต มทภ.4 ชี้ทางรอดไฟใต้ ยึดหลัก ‘เมตตา’ – จี้รัฐ คัดคนดี ไม่มีผลประโยชน์

แบ่งปันข่าวนี้ :

อดีต มทภ.4 ชี้ทางรอดไฟใต้ ยึดหลัก ‘เมตตา’ – จี้รัฐ คัดคนดี ไม่มีผลประโยชน์


ผู้สื่อข่าวปัตตานีรายงาน วันทึ่ 15 พฤศจิกายน 2568 ที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคง ภาค4 ส่วนหน้า ปฐมนิเทศผู้บังคับหน่วยระดับผู้บังคังกองร้อย โดยมี พลเอก พิเชษฐ์ วิสัยจร (อดีตแม่ทัพภาคที่ 4) ได้เดินทางมาทีร่าร่วมบรรยายพร้อมกับประกอบบงการกับกับการสอนวิธีการเมือง งาน มวลชน ถ่ายทอดประสบการณถ่ายทอดรุ้รฝกลยุทธ์สำคัญต่อกำลังพลย้ำหัวใจการแก้ไขปัญหาความไม่สงบต้องเริ่มจาก ‘จิตวิทยา’ เพื่อ ‘คลายใจ’ ให้ฝ่ายตรงข้าม แนะบุคลากรรัฐต้องลดพฤติกรรม ‘เบ่ง’ ชี้ผลพระราชดำริ ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ ดึงประชาชนกลับจากมาเลเซีย เชื่อมั่น มทภ.คนปัจจุบัน ซึ่งเป็น ‘ทหารเสือ’ ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท จะสืบทอดหลัก ‘เมตตา’ ได้สำเร็จ พร้อมส่งสัญญาณเตือนภัยสิ่งแวดล้อม ระบุ ‘น้ำเน่าเสีย’ คือแหล่งกำเนิดก๊าซพิษที่เป็น ‘ฉากกั้น’ เร่งวิกฤตโลกร้อน
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้จัดงานปฐมนิเทศผู้บังคับหน่วยถึงระดับผู้บังคังกองร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้รับเกียรติจาก พลเอก พิเชษฐ์ วิสัยจร อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 มาร่วมถ่ายทอดแนวคิดเชิงกลยุทธ์และประสบการณ์ตรง ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก พลตรี ชาคริต อุจะรัตน รองแม่ทัพภาคที่ 4 และกลุ่มเครือข่ายมวลชน
พลเอก พิเชษฐ์ วิสัยจร ได้กล่าวถึงแก่นแท้ ของการแก้ไขปัญหาความไม่สงบว่าไม่ใช่เพียงการใช้กำลัง แต่คือการใช้จิตวิทยาและยุทธศาสตร์ที่เฉียบคม
“หัวใจของการรบไม่ได้อยู่ที่การใช้กำลังเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การวางแผนและจิตวิทยา” พร้อมย้ำหลักการสำคัญว่า “การรบกัน จะชนะหรือไม่ชนะ อยู่ที่การคลายใจ”
พร้อมเน้นย้ำถึงหลักการปฏิบัติงาน 3 ประการ คือ ความเข้มแข็ง, ความเมตตาต่อประชาชน, และการทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยต้องใช้ความสมดุล โดยเฉพาะการเตือนเจ้าหน้าที่รัฐให้ลดพฤติกรรมแข็งกร้าว: “ทหารต้องเข้มแข็งแต่ว่าอย่ากระด้าง” นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาคัดเลือกบุคลากรอย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับความรู้ความสามารถและความโปร่งใส
“ผมอยากให้รัฐบาล หรือผู้ที่มีความรับผิดชอบ ดูคน เอาคนที่มีความรู้ความสามารถนะ แล้วก็ไม่มีผลประโยชน์ลงมาทำงาน “
พร้อมกันนี้ ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงปัญหาทัศนคติของเจ้าหน้าที่รัฐในอดีต โดยเตือนถึงพฤติกรรมการใช้อำนาจหรือการ “เบ่ง” ทั้งทหารและฝ่ายปกครอง โดยระบุว่า ทหารเราพวกน้อง ๆ เราชอบเบ่ง พูดกับชาวบ้าน บางทีพูดไม่น่าฟัง ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการสร้างความไว้วางใจ
อดีตแม่ทัพฯ ระบุว่า แนวทางที่สำคัญที่สุดคือการสืบสานพระราชดำริ “อยู่มีกิน” ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเห็นผลชัดเจนในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก


“เมื่อก่อนเขาต้องไปหากินมาเล (มาเลเซีย) พอหลังจากที่ทำเศรษฐกิจ (เศรษฐกิจพอเพียง) ก็ยังจำได้นะ กลับมาเลย”
อีกทั้งยังเสนอแนะแนวทางการพัฒนาอาชีพต้นทุนต่ำที่เข้าถึงง่ายและยั่งยืน เช่น สอนวิธีแก้ไขปัญหา “ยางหน้าตาย” และ “น้ำยางไม่ค่อยไหล” ด้วยเทคนิค “อินทรีย์ทำ” EM บอล ใช้ จุลินทรีย์ ในการย่อยสลายซากพืชเพื่อฟื้นฟูที่นาร้างตามพระราชดำริ ซึ่งเป็นวิธีที่ “ถูกต้องมาก”
และยังได้กำชับผู้บังคับกองร้อยให้ “ทำงานมวลชน” ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ และใช้กีฬา กิจกรรมเป็นเครื่องมือทำให้สถานการณ์ “สงบ” ได้
พลเอก พิเชษฐ์ฯ ยังแสดงความเชื่อมั่นต่อแม่ทัพภาคที่ 4 คนปัจจุบัน โดยเปิดเผยถึงสายสัมพันธ์ทางทหารและการถวายงานเบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด
“ตอนนี้แม่ทัพคนมาใหม่ พวกเราก็จะรับใช้สมเด็จพระนางเจ้า (พระบรมราชินีนาถ) มาเยอะ ใกล้ชิด ท่านเสด็จไปไหนพวกเราจะไป เพราะเราเป็นทหารเสือ… แล้วก็เขาเข้าใจ”
พร้อมย้ำว่า แม่ทัพคนปัจจุบันยึดมั่นในหลักการ “ต้องให้ความเมตตา” ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อการปฏิบัติงานของกำลังพล และสามารถคลี่คลายสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้จริง
// ตอริก สหสันติวรกุล ปัตตานี2 //

อ่านแล้ว54 times!

แบ่งปันข่าวนี้ :

You May Also Like

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.