กรมราชทัณฑ์ จับมือ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ยกระดับนวดแผนไทยและการใช้สมุนไพรให้ผู้ต้องขัง สร้างรายได้หลังพ้นโทษ

กรมราชทัณฑ์ จับมือ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมทำ MOU ความเข้าใจการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานฝึกวิชาชีพนวดแผนไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนารูปแบบการให้บริการสุขภาพทางเลือก
วันนี้ (14 ก.ค.68) เวลา 14.00 น. ที่อาคารพิพิธภัณฑ์ 3 พิพิธภัณฑ์กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ “การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานฝึกวิชาชีพนวดแผนไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนารูปแบบการให้บริการสุขภาพทางเลือก” โดย นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มอบหมายให้ นายไพฑูรย์ มงคลหัตถี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้แทน ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ กับ นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วย นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี นายธนบูรณ์ จันทรมาลัย ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาผู้ต้องขัง เรือนจำจังหวัดนนทบุรี นายแพทย์กุลธนิต วนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และ ดร.ภก.ปรีชา หนูทิม ผู้อำนวยการกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร ร่วมลงนามสักขีพยาน นอกจากนี้ ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ และ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมเป็นเกียรติในพิธี

โดย นายไพฑูรย์ มงคลหัตถี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ มีภารกิจสำคัญในการฝึกวิชาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้มีทักษะและความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพสุจริตภายหลังพ้นโทษ และไม่กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก ซึ่งการฝึกวิชาชีพจะมุ่งเน้นให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้และฝึกฝนในสาขาอาชีพต่าง ๆ ที่มีความต้องการในตลาดแรงงาน โดยเฉพาะการฝึกวิชาชีพอบรมนวดแผนไทย ซึ่งปัจจุบันการนวดแผนไทยกำลังได้รับความสนใจจากประชาชนมากขึ้น อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่สูงมาก จึงเป็นอาชีพที่เหมาะสมกับผู้ต้องขัง ในปัจจุบันนี้จึงได้ริเริ่มบูรณาการกับกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร เพื่อบูรณาการภารกิจระหว่างหน่วยงานในด้านการจัดให้มีสถานบริการทางการแพทย์ทางเลือกและการดำเนินงานฝึกวิชาชีพนวดแผนไทยของผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนนทบุรี โดยใช้พื้นที่ของร้านหับเผย @ ริมน้ำนนท์ เป็นสถานที่นำร่องการบูรณาการภารกิจ เพื่อยกระดับการขับเคลื่อนนโยบาย 8 มิติ ยกกำลังสอง มิติที่ 5 “นำร่องการศึกษาต้นแบบและสร้างความเป็นเลิศทางอาชีพ”

ขณะที่ นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ต้องขังมีความรู้ในทักษะด้านการนวดแผนไทย การใช้สมุนไพรในการรักษาโรค และสามารถนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน สร้างการรับรู้ในด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์แก่สังคม โดยเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้แสดงความรู้ และความชำนาญในทักษะการนวดแผนไทยของผู้ต้องขังให้สังคมได้รับรู้ และเกิดการยอมรับ อีกทั้ง เป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกรมราชทัณฑ์กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรักษาโดยแพทย์แผนไทย และการใช้สมุนไพรต่อไป

ด้าน นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาล ได้ผลักดันการพัฒนานวดไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจสุขภาพและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีบทบาทสำคัญในการพัฒนานวดไทยและสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพและมาตรฐานจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ กรมฯ จึงมีหน้าที่หลักในการส่งเสริมและพัฒนานวดไทยในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรม การรับรองมาตรฐาน และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับนวดไทย

นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการดำเนินงานของกรมฯ ตามภารกิจความร่วมมือในครั้งนี้ คือ การส่งเสริม สนับสนุน และจัดการอบรมการฝึกวิชาชีพนวดแผนไทยหรือหลักสูตรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้านการแพทย์แผนไทย สนับสนุนการศึกษาวิจัย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ และสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการ ฝึกวิชาชีพนวดแผนไทยให้กับผู้ต้องขัง และสนับสนุนความร่วมมืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการฝึกวิชาชีพนวดแผนไทยของผู้ต้องขัง
“การนวดแผนไทยเป็นวิชาชีพ และเป็นศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพประชาชน การให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะเหล่านี้ คือการปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งการดูแลสุขภาพ และเป็นความหวัง ความภาคภูมิใจ และความสามารถในการพึ่งพาตนเอง ซึ่งจะเป็นประตูสำคัญสู่การเริ่มต้นใหม่ การลงนาม MOU ครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาอาชีพและคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนต่อไป” นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านแล้ว48 times!