เจออีกราย ! ตำรวจจับหนุ่มวัย 34 ปีตามหมายจับบัญชีม้าคาขบวนรถไฟอ้างถูกหลอกข่มขู่เปิดบัญชีผ่านแอฟให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เตือนอย่าหลงเชื่อจะเป็นเหยื่อเหมือนตน

เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 31 มีนาคม 2568 ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์ รอง สว.(ป)ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. สืบทราบว่า นายจิรายุ แดงบุบผา อายุ 34 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง “ ร่วมกัน ฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ”

โดยสารมากับขบวนรถไฟ กรุงเทพมหานคร – อุบลราชธานี และขบวนรถไฟจอดเพื่อรับผู้โดยสารที่สถานีรถไฟอยุธยา จึงนำกำลังไปตรวจสอบ ทันที่ขบวนรถไฟเข้าจอดที่สถานีรถไฟ ตำรวจทางหลวงอยุธยา จึงทำการขึ้นตรวจสอบบนขบวนรถไฟ พบ นาย จิรายุ ผู้ต้องหานั่งอยู่บนขบวนรถไฟ จึงได้แสดงตัว พร้อมกับแสดงหมายจับ นาย จิรายุ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบถาม นายจิรายุ บอกว่าตกใจมาก ทันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาแสดงหมายจับ ไม่รู้ว่าตัวเองถูกหมายจับ ก่อนหน้านี้ตนเองมีอาชีพก่อสร้าง อยู่ที่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ช่วงประมาณปลายปี 2567 ทะเลาะแยกทางกับภรรยา จึงเดินทางเข้ามที่กรุงเทพมหานคร เพื่อมาหางานทำ มาอาศัยนอนที่ สวนจุตจักร ระหว่างนั้น มีคนขับวินรถจยย.รับจ้าง มาพุดคุยชักชวนไปทำงาน แค่ 4 – 5 วัน ก็ได้เงินแล้ว ตนจึงตอบตกลงไป จากนั้นมีรถแท็กซี่มารับ พร้อมกับคนในรถ อีก 3 คน เป็นชาย 2 คนและหญิงอีก 1 คน ซึ่งโดนหลอกเหมือนกัน พาตนเองและคนในรถ ไปส่งที่ จ.สระแก้ว ระหว่างทางคนขับรถแท็กซี่พูดคุยทางโทรศัพท์กับคนที่ไปทำงานแล้วได้เงินจริงๆ ทำให้ตนเองหลงเชื่อ พอไปถึงที่จังหวัดสระแก้ว ได้ข้ามไปยังประเทศกัมพูชา ไปพักรวมกันที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้าน 2 ชั้น ห้องพักอย่างดี จากนั้นถูกส่งตัวมาที่คาสิโน โดนยึดซิมการ์ดโทรศัพท์ และบัตรประชาชน นำไปลงทะเบียนเปิดแอฟธนาคาร ได้ค่าจ้างคนละ 2,000 บาท ทุกวันจะต้องมารออยู่ที่คาสิโน มีห้องให้อยู่ จะมีการมาเรียก คนที่ถูกหลอกมาให้ไปสแกนใบหน้า เพื่อนโอนเงินออจากแอฟธนาคาร พลัดเปลี่ยนกันไป บางคนวันหนึ่ง 4 – 5 รอบ ส่วนตนเอง วันละ1 – 2 รอบ เลิกงานประมาณ 5 ทุ่ม

ทุกวันปล่อยกลับเข้าที่พัก อยู่ไปได้ประมาณ 4 – 5 วันตนเองถูกข่มขู่หาว่ามีการแอบใช้โทรศัพท์ เอาวุธปืนมาจ่อที่ศีรษะ จนล่าสุดตนเองอาศัยช่วงที่ปล่อยกับบ้านพัก หนีออกมาได้ เดินลัดเลาะตามแนวชายแดนกลับมาที่ประเทศไทย พร้อมกับคนที่มีการปล่อยกลับ เพราะบัญชีธนาคารถูกอายัดแล้ว หลังจากกลับมาที่ประเทศไทยเดินทางกลับเข้ามที่กรุงเทพมหานคร หางานทำแต่หางานทำไม่ได้ไม่มีเงิน จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จังหวัดอุบลราชธานี จึงมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม อยากขอฝากเตือนประชาชน อย่าไปหลงเชื่อคนที่เราไม่รู้จัก มาสอบถาม หรือชวนไปทำงานจะตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้ไปร่วมขบวนการทำผิดกฎหมายได้
หลังจากทำบันทึกจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
อ่านแล้ว250 times!