ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองผิดกฎหมายตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีตรวจสอบพบ นอมินี วิลล่าหรู โครงการ “ซีบรีซ” บ่อผุด เกาะสมุย

แบ่งปันข่าวนี้ :

ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองผิดกฎหมายตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีตรวจสอบพบ นอมินี วิลล่าหรู โครงการ “ซีบรีซ” บ่อผุด เกาะสมุย แจ้งความดำเนินคดีชาวเยอรมันและคนไทย รวม 16 ราย

จากกรณี เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเกาะสมุย ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจพบง่ามีการก่อสร้างอาคารบนพื้นที่เขาสูง จำนวน 15 แปลง โดยไม่ได้รับอนุญาติ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.67 ที่ผ่านมา ก่อนจะนำไปสู่การแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ห้ดำเนินคดีกับ บริษัท วิลล่า อะมาน่า จำกัด , บริษัท ชีบรีช วัน จำกัด , บริษัท ซีบรีซ ทู จำกัด , บริษัท เอสทีเค.ไอเอ็นวี จำกัด , บริษัท สกายไลน์ วิว จำกัด , บริษัท ร็อค โซล แอนด์ วิว จำกัด และบริษัทอื่นๆที่ก่อสร้างอาคารบนที่ดินดังกล่าว ในความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ และอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับ การเปิดบริษัทโดยใช้คนไทยถือหุ้นแทน (คดีนอมินี) ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ให้ชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองผิดกฎหมายตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี รับผิดดำเนินการสืบสวนสอบสวน

ล่าสุดเมื่อเวลา 10:00 น.วันที่ 29 พ.ย.67 ที่ห้องประชุมศูนย์ฝีกอบรมตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.เสริมพันธ์ุ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.อดิพัฒน์ กรึงไกร รรท.ผบก.สส.ภ.8 และ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ร่มไทร รอง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์พนักงานสอบสวนคดี ร่วมแถลงผลการการสืบสวนสอบสวน ของศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองผิดกฎหมายตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งพบมีผู้กระทำความผิดเข้าข่ายนอมินีจำนวน 16 คน แบ่งเป็นต่างชาติ 2 ราย บริษัทกฎหมาย 2 ราย และคนไทยผู้ที่เป็นนอมินีและให้การช่วยเหลือต่างชาติ ในการกอบโกยผลประโยชน์ในแผ่นดินไทย

ซึ่งจากสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๙ นายโฮลเกอร์ แอส สัญชาติเยอรมัน ได้ซื้อที่ดินบนเขาเฉวงน้อย ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมประมาณ 10 ไร่ โดยใช้ชื่อบริษัทนอมินีของ นายโฮลเกอร์ แอส รับโอนที่ดิน ดังนี้ บริษัท ชีบรีช ทู จำกัด และ บริษัท เอสทีเค.ไอเอ็นวี. จำกัด หลังจากนั้น ได้ก่อสร้างวิลล่าเพื่อชาย
กับลูกค้าชาวต่างประเทศ ชื่อโครงการ “ชีบรีซ” และแบ่งแยกที่ดินตามวิลล่าที่สร้าง นำชื่อบริษัท นายโฮลเกอร์ แอส รับโอนที่ดินที่แบ่งแยก ได้แก่ บริษัท วิลล่า อะมาน่า จำกัด, บริษัท สกายไลน์ วิว จำกัด
บริษัท ชีบรีช วัน จำกัด, บริษัท สกายไลน์ วิว จำกัด, บริษัท ร็อค โซล แอนด์ วิว จำกัด
ในการทำธุรกิจของ นายโฮลเกอร์ แอส จะมีสำนักงานกฎหมายช่วยเหลือ ได้แก่ บริษัท สุโขทัยอินเตอร์ ลอว์ (เกาะสมุย) จำกัด และ น.ส.กรกต เบสเซ็ท บริษัท กรกต ลีเกิ้ล แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด ต่อมาจึงมีการดำเนินการก่อสร้างอาคารในที่สุด

โดย พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ รอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองผิดกฎหมายตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการตรวจสอบมีการก่อสร้างอาคารทั้งสิน 19 หลัง สร้างเสร็จไปแล้ว 13 หลัง โดยมีทั้งอาคารที่ได้ดำเนินการขออนุญาติก่อสร้าง 8 หลัง และไม่มีใบอนุญาติให้ก่อสร้าง 10 หลัง เทศบาลนครเกาะสมุยแจ้งความร้องทุกข์ตาม พรบ.อาคารแล้ว 11 หลัง พร้อมดำเนินการตรวจสอบบริษัทที่ถือครองที่ดินกว่า 6 บริษัท พบว่าเป็นบริษัทของชาวต่างชาติ โดยให้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้น และมีสำนักงานกฎหมาย 2 บริษัท ที่เข้ามาให้การช่วยเหลือแก่บริษัทของชาวต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมพยายามหลักฐานจนสามารถดำเนินคดีต่อบริษัทที่เป็นนอมินี มีการทำในลักษณะนิติกรรมอำพรางจำนวน 8 บริษัท สำนักงานกฎหมาย 2 บริษัท และคนไทยที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือทั้งสิน 16 ราย

ด้าน พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 (ใส่แว่นตา) กล่าวว่า คดีในลักษณะนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากนโยบายให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น เพื่อกระตุ้นภาคธุรกิจท่องเที่ยว แต่กลับพบว่านักท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมองหาแนวทางในการประกอบอาชีพ ซึ่งบางครั้งในขั้นตอนกาขอนุญาติประกอบอาชีพได้รับการแนะนำทางด้านกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง จนเกิดการกระทำนิติกรรมอำพราง ให้ชาวต่างชาติถือหุ้นในบริษัทนิติบุคคลสัญชาติไทย ซึ่งทางตำรวจสุราษฎร์ธานี สามารถดำเนินการไรวบรวมพยายานหลักฐานได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากได้รับความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ทันการ โดยหลังจากนี้จะให้ ชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองผิดกฎหมายตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโมเดลการทำงานในครั้งนี้ไปถ่ายทอดให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่นภู้ก็ต และ กระบี่ เพื่อดำเนินการปราบปรามนิติกรรมอำพราง รักษาผลประโยชน์และอาชีพของคนไทย

เบื้องต้น ได้แจ้งดำเนินคดี บริษัทนอมินี จำนวนว 6 คดี ในส่วน บริษัทนิติบุคคล และ นายโฮลเกอร์ แอส แจ้งข้อหา “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ , เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(๙)), เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมา โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มีใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัญญัตินี้”

ส่วน สำนักงานกฎหมาย และคนไทย ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ , ร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย , เป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ (การค้าตามบัญชีหนึ่ง(๙)) โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรืออนิติบุคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มีใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการ ดังกล่าว” นอกจากนี้ การกระทำยังอาจเข่าข่าย หลีกเลี่ยงภาษี เนื่องจากการตรวจสอบภาษีแล้ว ไม่พบการเสียภาษี

/////

อ่านแล้ว310 times!

แบ่งปันข่าวนี้ :

You May Also Like

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.