น้ำท่วมอยุธยาขยายวงกว้างเป็น 11 อำเภอ ชาวบ้านพลิกวิกฤตล่องเรือวางข่ายหาปลาสร้างรายได้ ดีกว่านอนรอน้ำแห้ง
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงถูกท่วมในหลายพื้นที่ ล่าสุด กรมชลประทานมีการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ 2,408 ลบ.ม./วินาที เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อยู่ที่ 200 ลบ.ม./วินาที เขื่อนพระราม 6 ระบายอยู่ที่ 709 ลบ.ม./วินาที แต่ยังทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำและคลองธรรมชาติ นอกคันกั้นน้ำชลประทาน ยังได้รับผลกระทบน้ำเอ่อล้นตลิ่งจากแม่น้ำน้อย แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ทั้งนี้ จ.พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ 16 อำเภอ และมี 11 อำเภอถูกน้ำท่วม โดยเฉพาะชุมชนริมแม่น้ำ ประกอบด้วย อำเภอบางบาล อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางซ้าย อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอมหาราช และอำเภอบางปะหัน รวมเป็น 135 ตำบล , 781 หมู่บ้าน คิดเป็น 48,520 หลังคาเรือน และมีวัดถูกน้ำท่วม 129 แห่ง , มัสยิด 11 แห่ง
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ ตำบลบางบาล อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่าระดับน้ำในพื้นที่แก้มลิง ทุ่งผักไห่ มีน้ำปริมาณพบว่าชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงหลายครอบครัวที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมในตอนนี้ ทำให้ไม่มีรายได้ บางก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด และมาในช่วงนี้ก็ถูกน้ำท่วมสูงทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพเกษตรกร ได้ต้องปรับเปลี่ยนมาหาปลาเพื่อสร้างรายได้และเลี้ยงปากท้อง
เช่น ครอบครัวของ นางสาว น้ำค้าง ศรีดี อายุ 49 ปี ชาวตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่พาครอบครัวและเพื่อนบ้านออกมาหาปลาเป็นกับข้าว ส่วนที่เหลือก็นำไปขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว กล่าวว่า ที่บ้านตนเองถูกน้ำท่วมไปแล้วครึ่งบ้าน ประกอบกับอาชีพของเราทำไร่ทำนา แต่ตอนนี้ถูกน้ำท่วมทำอะไรไม่ได้เลย ก็เลยชวนแฟนและครอบครัว ออกมาหาปลาสร้างรายได้ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย รายได้วันละ 100 – 200 บาท ดีกว่าไม่ได้เลยพอได้ปลาไปทำกับข้าวกินก็ยังดี เหลือค่อยนำมาขาย ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ดีกว่านอนรอน้ำแห้ง
ศักดริน พุทธคาวี ( ต้น 089 – 886 – 2828 )
อ่านแล้ว542 times!