รอง ผบช.ภ.8-ผู้การสุราษฎร์ ขานรับนโยบาย ผบ.ตร. สั่งการตรวจสอบการถือครองที่ดินแทนต่างชาติบนเกาะพะงัน-เกาะสมุย ดำเนินการ 4 ด้านเข้มงวด

แบ่งปันข่าวนี้ :

รอง ผบช.ภ.8-ผู้การสุราษฎร์ ขานรับนโยบาย ผบ.ตร. สั่งการตรวจสอบการถือครองที่ดินแทนต่างชาติบนเกาะพะงัน-เกาะสมุย ดำเนินการ 4 ด้านเข้มงวด จัดการนอมินี

เมื่อวันที่ 13 ต.ค.68 ที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบช.ภ.8 นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้วา่ราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.สุวัฒน์ สุขศรี ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการตรวจสอบการถือครองที่ดินแทนต่างชาติบนเกาะพะงัน-เกาะสมุย ดำเนินการ 4 ด้านเข้มงวด จัดการนอมินีในพื้นที่

ทั้งนี้จากกรณีปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์ “มีชาวอิสราเอลตั้งบริษัท นอมินี ยึดครองที่ดิน ในพื้นที่ อำเภอ   เกาะสมุย และเกาะพะงัน” ตามแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันปราบปรามคนร้ายข้ามชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2567 -2570 ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดมาตรการ 7 ด้าน ในการปราบปรามบุคคลต่างด้าว ลักลอบเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย และกระทำผิดกฎหมาย และนโยบาย 4 ด้าน เข้มงวด     จัดการนอมินี
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ ตำรวจภูธรภาค 8, ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บูรณาการการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานด้านความมั่นคง ตรวจสอบกรณีดังกล่าว
จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แต่งตั้งคณะทำงานชุดเฉพาะกิจเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด กรณีบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร            
เพื่อประกอบกิจการหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ผิดกฎหมาย ตามคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 8737/2568 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 68 บูรณาการหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด ในการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ 4 ด้าน ดังนี้ 1. ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจร่วมในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบการถือครองที่ดินโดยนิติบุคคลต่างด้าวและการดำเนินธุรกิจที่อาจเข้าข่ายหลีกเลี่ยงกฎหมาย 2. ตรวจสอบเส้นทางการเงินและเอกสารประกอบธุรกิจ เพื่อพิสูจน์การถือหุ้นที่แท้จริงของบริษัทที่มี   ชาวต่างชาติเป็นผู้ลงทุน 3. เข้มงวดการอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว โดยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับกระทรวงแรงงานเพื่อป้องกันการประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมาย 4. ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อทั้งผู้กระทำผิดและผู้ให้การสนับสนุน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อาจเกี่ยวข้อง

ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการกวดขัน ปราบปราม การกระทำความผิดของบุคคลต่างด้าว และอาชญากรรมข้ามชาติ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2567 – กันยายน 68 รวมจำนวน 2,001 คดี แยกตามข้อหาการกระทำความผิด กระทำความผิดสูงสุดในข้อหา พ.ร.บ.จราจรทางบก จำนวน 1,103 คน หลบหนีเข้าเมือง 257 คน ยาเสพติด 142 คน พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว 131 คน พักเกินกำหนด 61 คน คดีนอมินี 18 คดี การพนัน 15 คน ช่วยเหลือซ่อนเร้นฯ 9 คน จับบุคคลต่างด้าวตามหมายจับ 6 คน และอื่นๆ 259 คน

ผลการจับกุมเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย (คดีนอมินี) ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2567 – ตุลาคม 68 รวมจำนวน 18 คดี ในพื้นที่ สถานีตำรวจภูธรเกาะพะงัน จำนวน 8 คดีในพื้นที่ สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด จำนวน 8 คดี และ ในพื้นที่ สถานีตำรวจภูธรเกาะสมุย จำนวน 2 คดี แบ่งตามความผิด เป็นความผิดธุรกิจค้าที่ดิน โรงแรม วิลล่า จำนวน 10 คดี ความผิดธุรกิจก่อสร้าง 2 คดี ความผิดธุรกิจคอมพิวเตอร์ 2 คดี  ความผิดธุรกิจบริการรถเช่า 1 คดี ความผิดธุรกิจร้านกาแฟ 1 คดี ความผิดธุรกิจให้บริการต่อวีซ่า 1 คดี และธุรกิจบริษัทรับทำความสะอาด 1 คดี

จากการตรวจสอบข้อมูลสถิติขออยู่ต่อ สัญชาติอิสราเอล ห้วงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 6 ตุลาคม 68 จำนวนทั้งหมด 5,703 คน ขออยู่ต่อระยะสั้น จำนวน 4,301 คน เหตุผลที่ขออยู่ต่อระยะสั้นมากที่สุด คือ เพื่อการท่องเที่ยว จำนวน 4,151 คน ขออยู่ต่อเพิ่ม 7 วัน จำนวน 108 คน ป่วย 24 คน มีคดีความ 14 คน และเยี่ยมคู่สมรส 4 คน การยื่นขออยู่ต่อระยะสั้น แยกตามพื้นที่ แบ่งเป็น ในพื้นที่เกาะสมุย จำนวน 1,065 คน เกาะพะงัน 2,957 คน เกาะเต่า 265 คน และบนฝั่ง 14 คน
และในห้วงเวลาเดียวกัน ขออยู่ต่อระยะยาว จำนวน 1,402 คน เหตุผลที่ขออยู่ต่อระยะยาวมากที่สุด คือ เป็นนักเรียนโรงเรียนเอกชน จำนวน 456 คน, ประกอบธุรกิจ จำนวน 456 คน, เป็นครอบครัวชาวต่างชาติ ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ จำนวน 211 คน มีครอบครัวชาวต่างชาติเพื่อศึกษา 142 คน ใช้ชีวิตบั้นปลาย 79 คน เพื่อการท่องเที่ยว 29 คน ครอบครัวไทย 14 คน บัตร Thailand elite PE 11 คน ครอบครัวของผู้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร 3 คน เป็นผู้ลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ล้าน 1 คนการยื่นขออยู่ต่อระยะยาว แยกตามพื้นที่ แบ่งเป็น ในพื้นที่เกาะสมุย จำนวน 707 คน เกาะพะงัน 681 คน เกาะเต่า 12 คน และบนฝั่ง 2 คน
โดยเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 68 เวลาประมาณ 18.35 น. สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด ได้รับแจ้งว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 68 เวลาประมาณ 11.00 น. MR.MATAN อายุ 25 ปี สัญชาติอิสราเอล ได้นำเงินดอลลาร์ แลกเป็นเงินไทย จำนวน 7,280 บาท และเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 68 เวลาประมาณ 11.15 น. MR.OMER อายุ 27 ปี สัญชาติอิสราเอล ได้นำเงินดอลลาร์แลกเงินเป็นเงินไทย จำนวน 14,560 บาท ต่อมา วันที่ 9 ตุลาคม 68 ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ได้ตรวจสอบ พบว่า เป็นธนบัตรดอลลาร์ปลอม พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจบ่อผุด จึงประสานขอข้อมูลบุคคลต่างชาติจากตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเกาะสมุย และนำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด และเอกสารการแลกเงิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และ ออกหมายจับกับชาวต่างชาติ 2 คนดังกล่าว ต่อมา วันที่ 11 ตุลาคม 68 ศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้ออกหมายจับบุคคลดังกล่าวในข้อหา “ทำปลอมซึ่งธนบัตรรัฐบาลต่างประเทศ (ดอลลาร์สหรัฐ), มีให้เพื่อนำออกใช้ฯ” ชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรบ่อผุด ได้เดินทางไปจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และสืบสวนขยายผล  การจับกุมต่อไป

//////

อ่านแล้ว180 times!

แบ่งปันข่าวนี้ :

You May Also Like

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.