กมธ.ปปง. ลุยติดตามคดีฟอกเงินโยงเว็บพนัน! ชี้ต้องตอบสังคมด้วยความโปร่งใส ไม่ปล่อย “คดีสำคัญ” ถูกกลบฝุ่น

วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 308 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา
คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร
จัดประชุมเพื่อติดตามข้อเท็จจริง กรณีอดีตประธานสโมสรฟุตบอลนครศรียูไนเต็ด
ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับขบวนการฟอกเงินจากเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์
และปรากฏข้อสังเกตเกี่ยวกับคำสั่ง “ไม่ฟ้อง” ของอัยการ ทั้งที่ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องชัดเจน



“เลิศศักดิ์” ย้ำหลักนิติธรรมต้องอยู่เหนือทุกกลุ่มอิทธิพล
“คดีนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่คือบททดสอบความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม”
การประชุมครั้งนี้นำโดย
นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานกรรมาธิการ
พร้อมด้วยรองประธานฯ คือ นายดนุพร ปุณณกันต์ และ นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ และกรรมาธิการร่วมกว่า 15 คน โดยมีผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าว
ที่ประชุมได้เน้นย้ำว่า
กรณีนี้มีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของสังคม เพราะเป็นหนึ่งในคดีที่ประชาชนจับตา
ทั้งในด้านความชัดเจนของพยานหลักฐาน เส้นทางการเงิน และการอายัดทรัพย์สิน
ที่ควรดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยไม่มีอคติ

**เทียบคดี “นครศรียูไนเต็ด” กับ “ลำพูนวอริเออร์”
เหตุใดคดีหนึ่งอายัดทรัพย์ 600 ล้าน แต่อีกคดีกลับ “นิ่งสนิท”?**
คดีอดีตประธานสโมสรลำพูน วอริเออร์
พบการดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินกว่า 221 รายการ มูลค่ารวม 671,354,974.93 บาท
ซึ่งเจ้าหน้าที่ ปปง. ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง
ขณะที่ในคดีของ อดีตประธานสโมสรนครศรียูไนเต็ด แม้จะมีพฤติการณ์เชื่อมโยงเว็บพนันในลักษณะคล้ายกัน
กลับยังไม่มีการอายัดทรัพย์ หรือความคืบหน้าทางกฎหมายที่ชัดเจน
ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ เลขานุการกรรมาธิการ ได้สอบถามต่อ ปปง. ว่าทำไมจึงไม่มีการอายัดทรัพย์ใด ๆ จากผู้ต้องหาในคดีนี้ และตั้งข้อสังเกตว่า การวางเฉยอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหน่วยงาน
“อัยการไม่ฟ้อง – แต่ตำรวจเห็นต่าง” ปมที่ต้องคลี่คลาย

หนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุม คือ ความเห็นไม่ฟ้องของอัยการ
ซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของพนักงานสอบสวน ที่เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ เห็นพ้องกันว่า
การที่อัยการมีความเห็น “ไม่ฟ้อง” โดยไม่สามารถชี้แจงเหตุผลเชิงลึกต่อสาธารณะได้
อาจทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจในกระบวนการพิจารณาคดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพื่อความโปร่งใสยิ่งขึ้น
คณะกรรมาธิการฯ มีมติเห็นชอบให้เชิญตัวแทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าชี้แจงในที่ประชุมครั้งถัดไป เพื่อให้ประชาชนได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานสูงสุดของการพิจารณาคดี





“ยึดหลักโปร่งใส – ตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ – ยืนหยัดข้างประชาชน”
นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวอย่างหนักแน่นในที่ประชุมว่า
“เราจะไม่ปล่อยให้คดีสำคัญที่มีผลกระทบต่อศรัทธาของสังคมถูกกลบเงียบ กมธ.ชุดนี้จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส สร้างสรรค์ และกล้าชนกับทุกอิทธิพล
เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และไม่มีคดีใดควรถูกละเลย เพียงเพราะผู้ต้องหามีฐานะหรือสายสัมพันธ์ทางอำนาจ”
**“การฟอกเงิน = ปลายทางของอาชญากรรม”
คณะกรรมาธิการฯ ย้ำ ปราบให้ถึงโครงข่าย ไม่ใช่แค่ปลายแถว**
คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ย้ำหลักการสำคัญว่า
การฟอกเงินเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วย “เปลี่ยนเงินผิดกฎหมายให้กลายเป็นเงินสะอาด” ซึ่งหากปล่อยผ่าน ย่อมเท่ากับเปิดช่องให้ขบวนการอาชญากรรมเติบโตแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้น ทุกคดีที่มีมูลความเชื่อมโยงกับฟอกเงินจึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะมีเบื้องหลังเป็นใครก็ตาม
ข้อสรุปสำคัญจากการประชุม
จะมีการ ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด
กำหนดเชิญ อัยการสูงสุดหรือผู้แทน มาให้ถ้อยคำในครั้งถัดไป
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดส่ง รายงานสำนวนคดี และข้อมูลเส้นทางการเงินอย่างละเอียด
ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าจากเว็บไซต์รัฐสภา และช่องทางสื่อสาธารณะได้ทุกสัปดาห์
อ่านแล้ว128 times!