ตำรวจทางหลวงอยุธยา รวบขบวนการขนแรงงานเถื่อนได้ยกแก๊ง มีรถนำ 1 คัน รถขนแรงงาน 2 คัน พร้อมแรงงานซุกมาในรถ

แบ่งปันข่าวนี้ :

ตำรวจทางหลวงอยุธยา รวบขบวนการขนแรงงานเถื่อนได้ยกแก๊ง มีรถนำ 1 คัน รถขนแรงงาน 2 คัน พร้อมแรงงานซุกมาในรถ อ้างทำเกษตรรายได้ไม่พอจึงหันมาขนแรงงานเถื่อนหารายได้เสริม


สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่บ่อยครั้ง ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาสืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด
เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 20 มิถุนายน 2568 ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา นำโดย พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ สวญ.ส.ทล.1กก.1บก.ทล.บูรณาการร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส.ได้สำรวจออกตรวจสอบตามเส้นทางสายหลัก ได้พบรถยนต์จำนวน 3 คัน วิ่งมาเป็นขบวน บนถนนสายเอเชีย ( ขาเข้า ) ในพื้นที่ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลักษณะติดฟิล์มมืดทึบขับขี่ผ่านมาด้วยความเร็วมีเหตุอันควรต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟและใช้สัญญาณเสียง รวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด
จนกระทั่งมาถึงช่วงหลัก กม.ที่ 44 – 46 ถนนสายเอเชีย ( ขาเข้า ) ทล.32 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและขอทำการตรวจสอบ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีเทา หมายเลขทะเบียน กต 8096 ลำพูน จำนวน 1 คันโดยมี นายกามู เฟื่องยศพินิจ อายุ 28 ปี ชาว ตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นคนขับ และมีผู้โดยสารมาในรถลักษณะเป็นแรงงานต่างด้าว จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารอื่นใดที่ใช้แทนหนังสือเดินทาง เบื้องต้นเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง
ยังพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า 4 ประตู สีเทา หมายเลขทะเบียน บร 7015 ลำพูน จำนวน 1 คัน โดยมี นายสมบัติ ไพรก่อสิน อายุ 33 ปี ชาว ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นคนขับ และมี แรงงาน นั่งมาภายในรถยนต์ตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารอื่นใดที่ใช้แทนหนังสือเดินทาง เบื้องต้นเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง
และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รีโว่ สีเทา หมายเลขทะเบียน ยบ 6079 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน มี นายอนุชา พนาวงล้อมพงศ์ อายุ 42 ปี ชาวตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นคน มีนายสิงห์ชัย ไพรก่อสิน อายุ 36 ปี ชาวตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน นั่งเบาะด้านซ้ายมือของคน
ได้สอบถามนายอนุชาฯและนายสิงห์ชัยฯรับว่าตนได้ขับขี่รถยนต์ นำทางรถยนต์ขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมาจาก อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จึงเชิญผู้ขับขี่และนำรถยนต์ทั้ง 3 คันรวมถึงแรงงานที่พบโดยสารมาในรถไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา


จากการสอบถาม นายกามู ( เสื้อสีน้ำเงินใส่หมวก ) ให้การยอมรับว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ได้รับการประสานงานจาก นายเสือ(ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ซึ่งเป็นคนไทย ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยได้ตกลงค่าจ้างกัน 3,400 บาท ต่อคนต่างด้าว 1 คน จากนั้นได้ชักชวน นายสมบัติ ( เสื้อสีเหลือง ) เพื่อไปรับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยจะจ่ายค่าจ้างโดยแบ่งครึ่งกับตนหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยชักชวน นายอนุชา ( เสื้อสีเทาลาย ) และ นายสิงห์ชัย ( เสื้อแจ็กเก็ตสีดำข้างในเสื้อยืดสีขาว ) เพื่อมาทำหน้าที่ขับรถยนต์นำทางของขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยจะจ่ายค่าจ้างให้กับรถยนต์นำทาง 7,000 บาท เพื่อไปส่งปลายทางในพื้นที่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกระทำแบบนี้มาแล้ว 2 – 3 ครั้ง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ ซึ่งทำเกษตรกรเป็นหลักแต่รายได้ไม่เพียงพอจึงหันมาขนแรงงานผิดกฎหมายเพื่อหารายได้เสริม
จากการสอบถามแรงงานให้การยอมรับ ได้ลักลอบนั่งเรือจากฝั่งเมียนมา ข้ามมาประเทศไทย ในพื้นที่ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และได้เดินป่าข้ามเขา 3 วัน จากนั้นจะมีรถจักรยานยนต์รับมาส่งต่อให้กับขบวนรถยนต์ดังกล่าวเพื่อจะเข้ามาหางานทำงานในประเทศไทย โดยจะเสียค่าใช้จ่ายเข้ามาในประเทศไทย 15,000 – 20,000 บาท


เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแจ้งข้อกล่าวหา 2 คนขับรถยนต์กระบะและ 2 คนที่ขับรถนำขบวนแรงงาน รวม 4 คน ข้อหา “ ร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ” ส่วนแรงงานทั้ง 8 คนทั้งชายและหญิง “ เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ”และควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรมหาราช อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามประบวนการทางกฎหมายต่อไป

อ่านแล้ว656 times!

แบ่งปันข่าวนี้ :

You May Also Like

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.