“อดีตนายกฯชวน เตือนนักการเมืองรุ่นน้องๆ ลาออกก่อนหมดวาระ ต้องเลือกตั้งใหม่ ประชาชนได้อะไร?“

ตามข่าวสารที่ทุกคนได้รับทราบกันที่ผ่านมา นับตั้งแต่เดือนมีนา 2567 มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลาออกก่อนหมดวาระ กันเป็นจำนวนมาก แค่เฉพาะตำแหน่ง นายกอบจ. ก็ทำให้ต้องเลือกตั้งกันใหม่ หาเสียงกันอย่างคึกคัก แบบช้างชนช้างทั่วประเทศไปแล้ว 20 จังหวัด
เมื่อวันที่ 28 พ.ย 2567 นายชวน หลีกภัย ได้ รับเชิญให้ไปบรรยายหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การบริหารงานพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืนรุ่นที่ 6 ในหัวข้อ คุณธรรมและจริยธรรม สำหรับผู้นำท้องถิ่นไทย ที่สถาบันพระปกเกล้า แจ้งวัฒนะ

ด้วยประสบการณ์การเป็นส.ส. ถึง 17 สมัย มาจนถึงสมัยปัจจุบัน นายชวน ได้ให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์กับผู้นำท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรดังกล่าวมากมาย ทั้งให้ถือ ‘หลักไม่เกรงใจ’ เตือนสติให้ผู้ปฏิบัติงานในท้องถิ่นต้องกล้า ที่จะปฏิเสธคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หากสั่งให้ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย อย่าได้เกรงใจ
เพราะความเกรงใจนั้น ส่งผลให้ข้าราชการการเมืองและฝ่ายประจำในทุกระดับ นับตั้งแต่อดีตรัฐมนตรี อดีตปลัดกระทรวง อดีตอธิบดี ตลอดจนผู้บริหารองค์กรต่างๆติดคุกมาแล้วนับไม่ถ้วน โดยที่ผู้มีอิทธิพลที่สั่งการมามิได้มาใยดี หรือเดือดร้อนใดๆไปกับท่านด้วย แต่อย่างใด

แต่ความเกรงใจนั้น ควรเกิดจากความดี ทุกคนให้ความเกรงใจกับผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หากนักการเมืองท่านใด คิดถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ทำหน้าที่อย่างสุจริตเที่ยงธรรมในหน้าที่ ความรับผิดชอบของตน ปฏิบัติตามกฏหมาย ย่อมได้รับความเกรงใจ จากผู้ร่วมงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ต้องใช้อิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น
(ส่วนการสร้างความเจริญให้ท้องถิ่นของเรา อย่าไปคิดว่าไม่มีเงิน แล้วจะทำอะไรไม่ได้ เรื่องง่ายๆที่ตนชวนพี่น้องในจังหวัดตรังทำด้วยกันมาตลอด คือ การปลูกต้นไม้ ขอคำแนะนำจากผู้รู้ ปลูกต้นไม้ที่ไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ
หลายท่านอยากทำอะไรให้เป็นที่จดจำของผู้คน ตนชวนให้ มาปลูกต้นไม้กันเถอะ ท่านอดีตผู้ว่าฯ ปลูกต้นไม้บนถนนเส้นนี้ ท่านอดีตผู้บังคับการฯ ปลูกต้นไม้ตลอดถนนอีกสายหนึ่ง ประชาชนก็จะจดจำคุณงามความดีที่ท่านได้เคยทำไว้ให้ท้องถิ่นนี้
ผมชวนภาคเอกชน มาดูแลต้นไม้หน้าบริษัทท่าน บนเกาะกลาง และบาทวิถี ข้างถนน ไม่ต้องใช้เงินทองมากมาย แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ปลูกกันไปหลายๆปี อากาศในจังหวัดตรังก็ดีขึ้น ต้นไม้ก็เติบใหญ่สวยงาม จนหลายคนเดินทางมาถึงก็รู้ว่าเข้าเขตจังหวัดตรังแล้ว เพราะต้นไม้เยอะกว่าที่อื่นๆ
เป็นการป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่เป็นใหญ่ระดับนานาชาติ ได้อีกด้วย)

ในช่วงท้ายการบรรยาย นายชวน ได้ตั้งคำถามต่อนักศึกษา ซึ่งประกอบไปด้วยนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมาก 2 ข้อว่า 1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ กับการลาออกก่อนครบวาระ ของนายก อบจ. และ
- ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ที่พรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับ การเลือกตั้ง สว. ที่ผ่านมา

ซึ่งนักศึกษายกมือตอบคำถามดังกล่าว มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ เป็นเสียงเดียวกัน ทั้ง 2 ข้อว่าไม่เห็นด้วยเลย
นายชวนได้แลกเปลี่ยนความเห็นว่า การลาออกก่อนหมดวาระ ทำให้ นายกอบจ. และสภาจังหวัดหมดวาระไม่พร้อมกัน แทนที่จะเลือกตั้งไปพร้อมกันครั้งเดียว ซึ่งก็ใช้งบประมาณกกต. ที่มาจากภาษีของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ มากถึง 7- 80 ล้านบาทแล้ว
ยังต้องมาจัดการเลือกตั้งแยกกันอีก อย่างน้อยก็ 2 ครั้งแล้ว คือต้นปี เดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ก็ต้องจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นกันอีก งบประมาณในการจัดการเลือกตั้ง ก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 2 เท่า นี่ไม่นับว่าอาจจะมีการโดนใบเหลืองใบแดงกัน บางจังหวัดต้องมาเลือกตั้งกันใหม่อีก ตามที่เป็นข่าวทราบไปทั่วกัน โดยที่พี่น้องประชาชนไม่ได้อะไรเลย แต่เงินภาษีที่พวกเราจ่ายไปนั้นต้องหมดไปกับการจัดการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นอีกโดยไม่จำเป็น


นายชวน จึงขอเตือนสติไปยังนักการเมืองในทุกระดับ อย่าคิดลาออกก่อนหมดวาระ เพื่อหวังเพียงความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งใหม่ สิ้นเปลืองงบประมาณ ที่เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชนโดยไม่จำเป็น และสำคัญที่สุดคือประชาชนไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย
อ่านแล้ว803 times!