ตร.กรุงเก่า รวบ 2 ผัวเมีย ย่องเข้าวัดขโมยฉกรูปหล่อพญายม อ้างขายซื้อนมให้ลูกกินได้พร้อมของกลาง

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 23 มกราคม 2567 ที่ วัดบ้านปูน หมู่ที่ 4 ตำบลโรงช้าง อำเภอมหาราช
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ ณัฎฐ์เดชา ฐานิสภัทราพงศ์ ผกก.สภ.โรงช้าง พร้อมชุดสืบสวน สภ.โรงช้าง ร่วมการแถลงข่าว การจับกุมตัว นายชาดา หรือ สมยศ อายุ 50 ปี ชาวแขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร และ นางสาวอรุณี อายุ 39 ปี ชาวตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์


สองผัวเมีย ได้ก่อเหตุร่วมกันลักทรัพย์ขโมยรูปหล่อองค์พญายม ซึ่งตั้งอยู่ที่ลานวัดบ้านปูน โดยมีของกลางเป็นรูป หล่อองค์พญายม และหมวกกันน็อค ชุดเสื้อแขนยาว และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 i แผ่นป้ายทะเบียน ที่ใช้ในการก่อเหตุ นำมาแถลงต่อสื่อมวลชน

พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โรงช้าง รับแจ้งจากพระชัชวาล จันทโชโต เจ้าอาวาสวัดบ้านปูน ว่ารูปหล่อองค์ พญายม ซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง 15 นิ้ว น้ำหนัก 50 กิโลกรัม มูลค่า 20,000 บาท ตั้งอยู่ที่ลานวัดได้หายไปไม่ทราบวันเวลา จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ ณัฎฐ์เดชา ฐานิสภัทราพงศ์ ผกก.สภ.โรงช้าง และชุดสืบสวน ลงหาข่าวและตรวจสอบกล้องวงจรปิด
จากการสืบสวนหาข่าวแสวงหาหลักฐานเบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายสวมเสื้อไรเดอร์สีเขียวขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ มีผู้หญิงซ้อนท้ายเข้ามาก่อเหตุ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 14.17 น. โดยจอดรถจักรยานยนต์ ใกล้องค์พญายม จากนั้นเดินถือพวงมาลัยเดินเข้ามาบนศาลาวัดหน้าองค์พระประธานทำทีเป็นเนียนว่าเข้ามากราบไหว้ขอพรในองค์พระประธาน จากนั้นเดินวนรอบๆวัด เพื่อดูลาดลาวเมื่อสบโอกาสปลอดคน จึงเดินตรงไปขยับรถจักรยานยนต์ไปหลบซ่อนไว้ที่ด้านหลังองค์พระสังกัจจายน์ จากนั้นสองผัวเมียช่วยกันลงมือ ยกองค์พญายมใส่ลังขนาดใหญ่เพื่ออำพรางและบรรทุกใส่ท้ายรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นาย ชาดา หรือ สมยศ อายุ 50 ปีและนางสาวอรุณี อายุ 39 ปี สองสามีภรรยา โดยใช้รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 110 i สีแดงดำทะเบียน เป็นยานพาหนะใช้เส้นทางมาก่อเหตุจากถนนลพบุรีบางปะหันเส้นทางหลบหนี ถนนลพบุรีมุ่งหน้าบางปะหันไปตามถนนสายเอเชียมุ่งหน้ากรุงเทพฯ หลังจากทราบตัวผู้ก่อเหตุ วันที่ 22 มกราคม พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังไปติดตามตัว นาย ชาดา หรือ สมยศ อายุ 50 ปี และนางสาวอรุณี อายุ 39 ปี สองสามีภรรยา โดยได้ติดตามจับกุมตัวได้ที่หอพักไม่มีเลขที่ในพื้นที่อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พร้อมของกลาง รูปหล่อองค์พญายม อยู่ในห้อง จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวน โดยผู้ต้องหายอมรับสารภาพและอ้างว่าตอนแรกจะมาตั้งใจจะมาทำบุญไหว้พระแต่บังเอิญจังหวะ ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกจึงได้หันไปเห็นรูปหล่อองค์พญายมที่ตั้งไว้จึงได้ยกขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับหลบหนีไป

ทางพนักงานสอบสวนไม่ปักใจเชื่อในคำให้การเนื่องจาก กล้องวงจรปิดจับภาพพฤติกรรมได้และมีการเตรียมกล่องลังนำมาใส่ รูปหล่อพญายม และน่าจะมีการดูลาดลาวมาก่อนหน้านี้ จึงได้นำตัว 2 สามีภรรยาส่งพนักงานสอบสวนพร้อมตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปและโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดและเพื่อพาทรัพย์นั้นไป ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหรือวัตถุในทางศาสนาในสถานที่บูชาสาธารณะ เบื้องต้นในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ทางด้าน พระชัชวาล จันทโชโตอายุ 85 ปี เจ้าอาวาสวัด บ้านปูน กล่าวว่า รูปหล่อพญายม เป็นรูปหล่อที่ชาวบ้านญาติโยมได้ทำมาถวายให้กับทางวัดเมื่อประมาณ 4 – 5 ปีที่แล้วโดยได้ตั้งไว้บนแท่นปูนบริเวณนอกศาลาเพื่อให้ประชาชนกราบไหว้และมาทราบหายเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 จึงได้ แจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากนั้นก็มาเปิดกล้องวงจรปิดภายในวัดดูก็พบพฤติกรรมของคนร้ายมาก่อเหตุเมื่อวันที่ 15 มกราคมเวลาประมาณ 14.35 น. คนร้าย 2 คนขี่ยานพาหนะรถจักรยานยนต์โดยสามีได้ใส่เสื้อคลุมไรเดอร์สีเขียวแขนยาว ส่วนภรรยาใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีดำ โดยได้สวมหมวกกันน็อคแล้วหลังจากนั้นก็ยกรูปหล่อพญายมใส่กล่องลังที่เตรียมไว้นำขึ้นท้ายรถจักรยานยนต์แล้วขับหลบหนี จึงมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมตัวได้

ผู้สื่อข่าวจึงสอบถาม นาย ชาดา หรือ สมยศ อายุ 50 ปีและนางสาวอรุณี อายุ 39 ปี สองสามีภรรยา ยังไม่มีทีท่าสำนึกผิด อ้างว่าตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะมาขโมย แค่เพียงจะมากราบไหว้พระ พุทธรูปภายในวัด แต่ด้วยความที่ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูก เห็นรูปหล่อพญายมจึงได้นำกล่อง ลังมาใส่รูปหล่อแล้วยกขึ้นท้ายรถจักรยานยนต์ก่อนขับรถกลับไปที่หอพักในปทุมธานี เพื่อหวังจะนำไปขาย ได้เงินซื้อนมให้ลูกกิน แต่ก็ยังขายไม่ได้ ซึ่งผู้ต้องหาย้อนถามกับผู้สื่อข่าวว่าถ้าเป็นพี่มีลูกเล็กพี่จะทำแบบผมไหมซึ่งทำให้ผู้สื่อข่าวงงกับความคิดของผู้ต้องหา

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวสองสามีเข้าไปกราบไหว้ขอขมาเจ้าอาวาสและเจ้าอาวาสท่านก็ให้อภัยบอกให้ประพฤติตัวเป็นคนดีส่วนเรื่องทางคดีความก็ขอให้เป็นตามกฎหมาย
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ยกรูปหล่อพญายมไปตั้งไว้ที่แท่งปูน ที่เดิม หลังจากนั้นได้ทำพิธีจุดธูปไหว้รูปหล่อพญายมเพื่อความเป็นสิริมงคล
ส่วนชาวบ้านในละแวกนั้นพอทราบเรื่องแล้วก็รู้สึกตกใจ มารอดูหน้าหัวขโมยสองหัวเมียแล้วก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ก็อยากจะถามว่า คนที่ขโมยไปไม่กลัวบาปกลัวกรรมเหรอมาขโมยสิ่งของในวัด
อ่านแล้ว23052 times!

