ตำรวจกรุงเก่า  ทลาย“ แก๊งค์ชัยป่างิ้ว ”  แก๊งค์ลักรถจยย.รายใหญ่ ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมของกลางหลาย 10 คัน

แบ่งปันข่าวนี้ :

ตำรวจกรุงเก่า  ทลาย“ แก๊งค์ชัยป่างิ้ว ”  แก๊งค์ลักรถจยย.รายใหญ่ ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมของกลางหลาย 10 คัน พฤติกรรมสายมู ต้องซื้อพวงมาลัย 2 พวง ไหว้แม่ย่านางทุกครั้งทั้งรถที่ขับไปก่อเหตุและรถที่จะทำการขโมย

ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประกัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

หักพาล รอง ผบ.ตร, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เร่งรัดขับเคลื่อน

การปราบปราม การกระทำความผิดอาญาในลักษณะต่างๆเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน อย่างจริงจัง

                ช่วงบ่ายวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, พ.ต.อ.ธีระวุฒิ แสงมณี รอง ผบกก.จว.

พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ธนกฤต กนิษฐกุล ผกก.สืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน รวมแถลงข่าว จับกุมขบวนการ แก๊งค์ลักรถจักรยานยนต์รายใหญ่ได้ หลังจาก มีการลักทรัพย์รถจักรยานยนต์จำนวนหลายครั้ง ทั้งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดอ่างทอง ทาง

เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้บูรณาการทำการสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.มหาราช, สภ.วังน้อย, สภ.โรงช้างบางปะหัน, สภ.บ้านแพรก, สภ.บางปะอิน, สภ.พระนทร์ราชา และ กก.สส.ภ.จว.อ่างทอง  และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามเหตุดังกล่าว จนทำการสืบสวนจนทราบกลุ่มคนร้ายที่ ก่อเหตุลักทรัพย์ รถจักรยานยนต์ในพื้นที่ คือ “แก็งค์ชัยป่างิ้ว” ประกอบด้วย 1.นายขวัญชัย งามราม อายุ 39 ปี เลขประจำตัวประชาชน บ้านเลขที่ 38/2 ม.5 ต.ป่างิ้ว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง 2.นายสมคิด หรือหน่า ยอดมีกลิ่น อายุ 29 ปี เลขประจำตัวประชาชน บ้านเลขที่ 194 หมู่ที่ 4 ต.ป่างิ้ว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง  โดยทั้ง 2 ราย มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหลายคดี

เมื่อวันที่ 9 มี.ค.66 กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ทำรายงานสืบสวนเสนอต่อผู้บังคับบัญชา

โดยผู้บังคับบัญชาได้ประสาน พนักงานสอบสวน สภ.มหาราช นำรายงานสืบสวนประกอบสำนวนเพื่อขอศาลจังหวัด

พระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับ ข้อหา ” ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเคหะสถาน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่ การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป

ต่อมา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่ เกี่ยวข้องจับกุม

นาย ขวัญชัยฯ และนาย สมคิดฯ ตามหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสามารถติดตามยึดรถจักรยานยนต์และอะไหล่รถจักรยานยนต์ได้หลายรายการ

ซึ่งจากการสอบสวน นายขวัญชัยฯและนายสมคิดฯ ให้การรับว่าได้ร่วมกันตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆดังต่อไปนี้

10 ครั้ง วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยอนด้า รุ่น

เวฟ 110 ไอ สีขาว-ดำ เลขทะเบียน 1 กณ 4087 ลพบุรี จากท้องที่ สภ.บ้านแพรก และนำไปขายในราคา 5,500 บาท

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นไนท์ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีน้ำเงิน-ขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขจย 878 กำแพงเพชร ในพื้นที่ของ สภ.พระอินทร์ราชา และนำไปขายในราคา 5,000 บาท เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2565 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีเทา-ดำ เลขทะเบียน 1 กฉ 9660 อ่างทอง จากท้องที่อำเภอมหาราช และนำไปขายในราคา 7,500 บาท เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีน้ำเงิน เลขทะเบียน กตน 584 อ่างทอง จากพื้นที่ สภ.โรงช้าง และนำไปขายในราคา 6,000 บาท เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ

110 สีน้ำเงิน เลขทะเบียน กษย 633 สระบุรี จากท้องที่ สภ.ดอนพุด จ.สระบุรี และนำไปขายในราคา 5,000 บาท เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 เอส สีเทา-ดำ เลขทะเบียน ขคร 799 ลพบุรี จากท้องที่ สภ.บ้านแพรก และนำไปขายในราคา 4,500 บาท เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2566 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสแมช 110 สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จากท้องที่ สภ.บางปะหัน และหลังถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจ ยึดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไว้ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีน้ำเงิน เลขทะเบียน 1 กฉ 3780 ลพบุรี จากท้องที่ สภ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี และนำไปขาย ในราคา 6,000 บาท เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโชนิค 125 สีขาว-ดำ เลขทะเบียน วรถ 491 กรุงเทพมหานคร จากท้องที่ สภ.บางปะอิน และนำไปขาย ในราคา 4,000 บาท เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 เวลากลางคืน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเอ็มเอสเอ็กซ์ 125 สีแดง-ดำ เลขทะเบียน 1 กผ 2956 ลพบุรี จากท้องที่ สภ.บ้านกุ่ม จ.ลพบุรี และนำไปขาย ในราคา 4,500 บาท

พฤติกรรมในการก่อเหตุของคนร้าย จะก่อเหตุตามใบสั่งของนายทุน โดยรถยอดนิยม คือรถจักรยานยนต์ฮอนด้า

เวฟ หากยังไม่ได้รถจักรยานยนต์ตามใบสั่งก็จะตระเวนไปเรื่อยๆ หากสบโอกาสพบรถจักรยานยนต์จอดไว้ในที่เปลี่ยว

หรือลับตาคน ก็จะทำการลักทรัพย์โดยวิธีใช้เท้าถีบที่ แฮนด์รถจักรยานยนต์ให้ที่ ล็อคหลุดหรือหักและต่อไฟตรง

นำรถจักรยานยนต์หลบหนี โดยในการก่อเหตุทุกครั้งจะนำไปขายให้กับนายตาล ซึ่งเปิดอู่ช่อมรถจักรยานยนต์ ในพื้นที่ สภ.บางปะอิน เพื่อชำแหละขายเป็นอะไหล่เสียส่วนใหญ่ ซึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป

พร้อมขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ให้ระมัดระวังในการจอดรถ อย่าจอดรถในที่เปลี่ยวหรือ

ลับตาคน รวมทั้งให้ใช้อุปกรณ์สริมในการป้องกันให้หน้าแน่นยิ่งขึ้น

                ทั้งนี้พฤติกรรทกลุ่มคนร้าย ยังมีพฤติกรรมแปลกเชื่อในเรื่องโชคลาง โดยการหาซื้อพวงมาลัย 2 พ่วงทุกครั้งที่ลงมือก่อเหตุเพื่อไหว้แม่ย่านางรถคันที่ใช้ก่อเหตุและรถที่ลักทรัพย์มา หวังเพื่อเป็นการแก้เคล็ดให้พ้นการจับกุม แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอยืนยันว่าคนผิดแม่ย่านาง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่คุ้มครองทำให้จับกุมได้ในที่สุด

                ด้าน นางนิสากร  รุ่งสว่าง  อายุ  66 ปี 1 ในผู้เสียหายเดินทางมาดูรถจักรยานยนต์หลังจากตำรวจจับกุมคนร้ายได้ กล่าวว่า ตนเองดีใจ รถของตนเองถูกขโมยไปเมื่อวันที่  27  มกราคม เวลา ประมาณ 23.00น. บริเวณสี่แยกบ้านม้า  หมู่ 4  ต.บ้านม้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา  เนื่องจากลูกชายขับไปทำงานและจะจอดไว้กระทั้งเช้ากลับมาพบรถหายไป จึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางปะหัน  และไม่เคยคิดว่าจะได้รถคืน  กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ  แจ้งว่าจับคนร้ายได้แล้ว พร้อมของกลาง  ตนเองจึงรีบมาดู ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่สภาพเดิม  แต่ก็ดีใจที่ได้คืน

อ่านแล้ว260 times!

แบ่งปันข่าวนี้ :

You May Also Like

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.