ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปอศ. ร่วม บก.ปอท.
“ปฏิบัติการ ทลาย แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ส่งข้อความหลอกลวงกู้เงิน ”

พบเงินสะพัดในระบบกว่า 400 ล้านบาท ศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) โดย พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. / ผอ.สปน.ตร., พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. / รอง ผอ.สปน.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. / รอง ผอ.ศปน.ตร. สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การ อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบังคับการปราบปราม กองบังคับการตำรวจน้ำ, กองบัญชาการตำรวจ ตระเวนชายแดนที่ 32, และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 รวมทั้งสิ้น 60 นาย ทลายเครือข่าย ส่งข้อความหลอกลวง กู้เงิน ซึ่งถือเป็นเครือข่ายแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติที่คอยหลอกลวงประชาชนมาอย่างต่อเนื่องโดยปฏิบัติการครั้งนี้เข้า ทำการตรวจค้น 6 จุด ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.ปทุมธานี จ.สมุทรสาคร จ.มุกดาหาร และ จ.ระยอง สามารถ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้ทั้งหมด 4 ราย แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาที่อยู่ในเรือนจำ 6 ราย และ ประสานความ ร่วมมือกับสำนักอัยการสูงสุดเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนจำนวน 4 ราย รวมผู้ต้องหาทั้งสิ้นจำนวน 14 ราย ยังคงหลบหนีอยู่ใน ประเทศไทยจำนวน 2 ราย พฤติการณ์สืบเนื่องมาจาก เมื่อประมาณกลางปี 2564 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และประชาชนจำนวน 4 ราย ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก. 5 บก.ปอศ. ด้วยเหตุถูกกลุ่มผู้กระทำผิดแอบอ้างตนเองในลักษณะมีการ เปิดแอปพลิเคชัน บีบาท (BeeBaht) และแอปพลิเคชัน DD Cash และการโฆษณาผ่านเพจเฟซบุ๊ก ว่าประกอบธุรกิจ ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล โดยมีการแสดงตัวว่าประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้ชื่อว่า บริษัท บีบาท จำกัด ได้แอบอ้าง ใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับของสำนักงาน เศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นเอกสารปลอม เป็นเหตุให้สำนักงานเศรษฐกิจการ คลัง กระทรวงการคลัง และประชาชน ได้รับความเสียหาย พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศปน.ตร. จึงสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการสืบสวน และจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป แผนประทุษกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้จะมีการจ้างบริษัทรับส่งข้อความเพื่อส่งลิงค์ในการเข้าแอปพลิเคชันบีบาท และแอปพลิเคชัน DD Cash และโฆษณาเพื่อประกาศข้อความอันเป็นเท็จเพื่อใช้ในการหลอกลวงโดยค้นหาได้จาก เว็บไซต์เพื่อให้ทำการเข้าไปยังแอปพลิเคชันให้กู้ยืมเงิน โดยทำการเปิดใช้บริการหมายเลขโทรศัพท์ในการส่งข้อความ และมีเซิร์ฟเวอร์ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศกัมพูชาเป็นสถานที่ในการดำเนินการหลอกลวงประชาชนคนไทย โดยแอบอ้างว่าตน ประกอบสินเชื่อถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อประชาชนหลงเชื่อ คนร้ายจะหลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินให้ตนซึ่งอ้างว่า เป็นค่าธรรมเนียมในการปล่อยเงินกู้ ค่าธรรมเนียมเอกสาร (ซึ่งคิดเป็น ร้อยละ 10 ของยอดเงินกู้) และจะหลอกต่อเนื่อง ไปเรื่อย ๆ โดยอ้างเหตุผลต่างๆเพื่อให้ประชาชนโอนเงินให้เพิ่ม แต่ท้ายที่สุดกลับไม่ได้รับโอนเงินกู้จริงแต่อย่างใด




จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายทำการปลอมใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อ โดยภายในระยะเวลา 1 เดือน พบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชีกว่า 23 บัญชี มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 400 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 1 เดือน และมีการยัก ย้ายถ่ายเทเงินในระยะเวลาที่รวดเร็วเป็นทอดๆ และจะแปรเปลี่ยนเงินที่ได้จากการหลอกลวงดังกล่าวเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค, รถไถนา, ทองคำแท่ง โดยซื้อจากประเทศไทย ก่อนจะนำส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งการกระทำของกลุ่ม คนร้ายเป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งถือว่าเครือข่ายนี้เป็นคดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จึงได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนกับพนักงานอัยการ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการ ได้สืบสวนจนสามารถ พิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว จำนวน 16 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาใน ความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบสินเชื่อรายย่อยส่วนบุคคลภายใต้กำกับของกระทรวงการคลังโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกัน ปลอมและร่วมกันใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม,ร่วมกันกระทำการอั้งยี่หรือซ่องโจร ร่วมกันฉ้อโกง ประชาชน ร่วมกันกระทำการโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่น ประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อ กระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ มีส่วนร่วมกระทำการใดๆไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมใน กิจกรรมหรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ร่วมกับ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. ได้ทำการสืบสวนจนทราบแหล่งที่กบดานของกลุ่มคนร้าย ต่อมาในวันนี้
(วันที่ 22 ส.ค. 2565 ) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้เข้าทำการตรวจค้น 6 จุด ใน 5 จังหวัด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 4 ราย ได้แก่ 1.นายพงศา แสนดี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1681/2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 2.นายสุวิทย์ ยำหาญ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1688/2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 3.นายอากุ้ย แลเซอ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1686 /2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 4.น.ส.นวมน พรถาวรสุข อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1693/2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติและข้อมูลผู้ต้องขังในเรือนจำพบว่ามีผู้ต้องหาบางส่วนที่ยังถูกคุมขังในคดีอื่นที่ เป็นลักษณะเดียวกันอยู่ จำนวน 6 ราย ได้แก่ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1682/2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 1.นายสมชาย แซ่โอ๋ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1687 /2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 2.นายธีรวุฒิ สุธีกุล 3.น.ส.ทิพย์นภา แซ่โช อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1684 /2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 4.นายอาเป้า ลาหู่ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1690 /2565 ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 5.นายศิริชัย พรมศิริอนันท์ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1692 /2565 ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 6.นายสมัครชา อาร์กาเฮน อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1696 /2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 และจากการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ทำให้เชื่อว่า ผู้ต้องหาอีก 4 ราย หลบหนีอยู่ต่างประเทศ และได้ประสาน ความร่วมมือไปยังอัยการสูงสุดเพื่อออกหนังสือส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ได้แก่ 1.นายเอกรัชต์ แซ่ลี อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1689 /2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 2.นายณัฐพงษ์ ดวงมะณี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1693/2565 ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 3.น.ส.อรุณลักษณ์ แสนหลู่ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1694 /2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1695/2565
ลงวันที่ 19 ส.ค. 2565 โดยยังคงมีผู้ต้องหา ที่หลบหนีอยู่ในประเทศไทย 2 ราย 4.นายสุรชัย แซ่เฉิง จากการตรวจค้นทั้ง 6 จุด 5 จังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดของกลางได้ 20 ชิ้น 1.ตรวจยึดสมุดบัญชี จำนวน 10 เล่ม 2.โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง 3.สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม 4.บัตร ATM 3 เล่ม สุดท้ายนี้กองบัญชาการสอบสวนกลาง ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชนที่ต้องการกู้เงินจากแหล่งเงินทุนที่ถูกต้อง ธนาคารแห่งประเทศไทย




เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/app/BotLicenseCheck ตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ที่ช่องทางดังนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เว็บไซต์ http://www.1359.go.th/picodoc/comp.php ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.5 บก.ปอศ. โทร 0944392557 “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด” กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน” Website : https://cib.go.th/ FB : ตำรวจสอบสวนกลาง Youtube : ตำรวจสอบสวนกลาง
อ่านแล้ว592 times!