นายก อบจ.เมืองกรุงเก่าร่วมกับพุทธศาสนิกชนชาวพุทธ ร่วมพิธีบุญใหญ่ เททองหล่อพระปฐมบรมโลกนาถมหาราชประดู่วิชัย หน้าตัก 10 เมตร 19 เซนติเมตร สูง 19 เมตร
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 6 เมษายน 2566 ที่ วัดประดู่ตะบอง ตำบลกระทุ่ม อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางมาเป็นประธานงานบุญ เททองหล่อพระใหญ่ ปางมหาจักรพรรดิ พระปฐมบรมโลกนาถมหาราชประดู่วิชัย หน้าตัก 10 เมตร 19 เซนติเมตร สูง 19 เมตร โดยมี หลวงพ่อขวัด เจ้าอาวาสวัดประดู่ตะบองเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ทั้งนี้ พิธีเททองหล่อพระ วาระที่ 4 ( หล่อส่วนสันจมูกถึงหัวไหล่ ) ยังนิมนต์เกจิอาจารย์ 5 รูป ได้แก่ หลวงพ่อเพย วัดบึง และเป็นประธานจุดเทียนชัยในพิธี หลวงพ่อขวัญ วัดประดู่ตะบอง พระอาจารย์เลี้ยง วัดจอมเกษ พระอาจารย์เต๋า วัดสุวรรณเจดีย์ และ พระอาจารย์สุรชัย วัดพุทธบวร ร่วมนั่งปรกอธิฐานจิต และพระสงฆ์ 15 รูปร่วมเจริญพระพุทธมนต์
จากนั้น นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาในวันนี้ ร่วมพิธีเททองหล่อพระใหญ่ ท่ามกลางเสียงสาธุ ดังกึกก้องเพื่อร่วมรับบุญรอพระใหญ่เสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ชีวิตแก่ครอบครัวที่ได้เดินทางมาร่วมงานบุญใหญ่ในครั้งนี้
ทั้งนี้ วัดประดู่ตะบอง มีโบสถ์เก่าแก่ วัดประดู่ (ตะบอง) เป็นโบสถ์ที่ถูกร้าง ซึ่งตามคำบอกเล่าคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี โดยมีทุ่งนาล้อมรอบ มีต้นไม้ ทั้งใหญ่และเล็กปกคลุมมองแทบไม่เห็นตัวโบสถ์ ชาวบ้านได้พูดกล่าวขานว่า เวลาผ่านไปทำมาหากินรอบโบสถ์จะพบเห็นสัตว์เลื้อยคลานเป็นประจำที่อาศัยอยู่บริเวณโบสถ์ และคำบอกเล่าของผู้สูงอายุว่า เดิมมีคนนำศพเด็กมาฝังมากมายเนื่องจากที่แห่งนี้เป็นที่ดอนน้ำท่วมไม่ค่อยถึง ในปี 2554 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่จึงทำให้น้ำท่วมบริเวณโบสถ์เก่านานประมาณ 2 – 3 เดือนทำให้ต้นไม้เล็กใหญ่ล้มตายลงจึงมองเห็นตัวโบสถ์เด่นชัดขึ้น
ต่อมาทางเจ้าอาวาสวัดประดู่ (ตะบอง) พระครูพิศาล สารกิจ ได้ทำการปรับปรุงถมดินที่บริเวณหน้าวัดจึงทำให้เป็นทางจากถนนเชื่อมไปยังโบสด์เก่าสามารถเดินไปเข้าถึงโบสถ์ได้ ต่อมาผู้ใหญ่บ้าน นางเจนจิรา ชูศิลป์ พร้อมพระภิกษุสงฆ์ของวัดประดู่ (ตะบอง ได้เข้าไปสำรวจดูบริเวณโบสถ์ จึงได้เห็นพระประธานในโบสด์ชำรุดสึกหรอและไม่มีเศียร จึงได้คิดริเริ่มบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระประธานในโบสถ์เก่าและบริเวณโดยรอบ ทางผู้ใหญ่และลูกบ้านได้เข้าไปปรึกษาเจ้าอาวาลพระครูพิศาล สารกิจ เพื่อจะขออนุญาตปรับปรุงบูรณะเศียรพระ และซ่อมแส่วนที่ชำรุดสึกหรอ ซึ่งทางเจ้าอาวาสก็อนุญาตและได้ร่วมบริจาคปัจจัยในการบูรณะครั้งนี้ด้วย
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วยลูกบ้านตำบลกะทุ่มและชาวบ้านใกล้เคียงรวมถึงประชาชนที่ทราบข่าวก็ได้ร่วมบริจาคปัจจัยและสิ่งของในการบูรณะองค์พระและภูมิทัศน์โดยรอบในครั้งนี้ด้วย เมื่อได้ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จ ผู้นำชุมชนชาวบ้าน และชุมชนใกล้เคียงได้ร่วมทำพิธีทางสงฆ์ ท่านเจ้าอาวาสได้ตั้งชื่อองค์พระประธานในโบสถ์ว่า “ หลวงพ่อพระศรีโคดม ” ต่อมาได้มีผู้ถ่ายภาพโบสถ์เก่าลงในโซเชียล จึงเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ยืดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชนรามถึงบุคคลภายนอกมากราบไหว้เคารพบูชามาจนถึงทุกวันนี้
อ่านแล้ว421 times!
