ทนายดังยื่นฟ้องต่อ ปปช. จี้ก้นเจ้าหน้าที่รัฐรังวัดที่สาธารณะอืด หากเพิกเฉยเตรียมรับ 157

แบ่งปันข่าวนี้ :

ทนายดังยื่นฟ้องต่อ ปปช. จี้ก้นเจ้าหน้าที่รัฐรังวัดที่สาธารณะอืด หากเพิกเฉยเตรียมรับ 157

วันที่ 20 ตุลาคม 2564 นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความชื่อดัง ตัวแทนวัดป้อมรามัญ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ได้มารายงานความคืบหน้าคดีข้อพิพาทการบุกรุกที่สาธารณะ และ ธรณีสงฆ์ ต่อพระครูเกษมจันทวิมล(พระอาจารย์แดง) เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากที่ได้มีการยื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลสวนพริก ดำเนินการรังวัดสอบเขตคลองลำราง ทางสาธารณะ ว่ามีพื้นตรงไหนบ้าง จากตรงไหนถึงตรงไหน มีความกว้าง ความยาวเท่าไหร่ เพราะในปัจจุบันพื้นที่คลองลำรางสาธารณะ และ ทางสาธารณะ ทางกระบือ เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์อันเป็นสมบัติของแผ่นดิน ที่สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ได้ถูกบุกรุกเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล จนแทบไม่เหลือพื้นที่สาธารณะอยู่เลย ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าที่ดินที่ตั้งวัดป้อมรามัญ มีที่ดินแปลงข้างเคียงติดต่อกันทั้ง 4 ทิศตะวันออก ตะวันตก เหนือ และ ใต้ ไว้เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มี.ค.64 เวลา 10.00 น.นายพิชญ์พงศ์ เกิดรัตนพงศ์ ปลัดอำเภอพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายอุเทน สินเทียม นายช่างรังวัดที่ดินพระนครศรีอยุธยา นางสาวอนัญญา เรืองวานิช. ปลัด อบต. สวนพริก นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความ ตัวแทนวัดป้อมรามัญ และ ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ข้างเคียง ได้มาร่วมกันยืนชี้แนวเขตในพื้นที่ของตน และ ที่สาธารณะประโยชน์ เพื่อออก นสล.แต่ยังมีการคัดค้าน จึงต้องมีการรังวัดใหม่ นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความ ตัวแทนวัดป้อมรามัญพยายามทวงถามไปยังสำนักงานที่ดิน และ อบต.หลายครั้งก็อ้างว่าอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการบ้าง ติดสถานการณืโควิด-19 บ้าง ยืดมาจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการออกหนังสือหลวง (นสล.) ชี้ชัดว่าตรงไหนเป็นที่สาธารณะ ที่ธรณีสงฆ์ และที่ส่วนบุคคล

ซึ่งในวันนี้ได้มีการยื่นหนังสือร้องเรียนถึง ปปช.เพื่อให้ทำการตรวจสอบหน่วยงานภาครัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ ว่าเป็นไปด้วยความโปร่งใส และหรือโดยชอบเป็นธรรมหรือไม่ หากละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็จะได้แจ้งความดำเนินคดี 157 ต่อไป

ทนายวรยุทธฯ ตัวแทนวัดป้อมรามัญ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขอให้ชาวบ้านมั่นใจได้ว่าทางสาธารณะจะไม่หายไปไหน ปรากฏพยานหลักฐานอย่างชัดเจนทางภาพถ่ายทางอากาศซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญซึ่งขึ้นทะเบียนประจำศาลยุติธรรมรับรองไว้ มีการอ่านค่า แปลภาพถ่ายทางอากาศไว้ชัดเจนว่า ที่ตรงนี้เป็นสาธารณประโยชน์ ส่วนที่หน้าวัดที่เป็นที่ สค.1 ที่ธรณีสงฆ์ ก็มีผู้บุกรุกพื้นที่ดังกล่าวโดยมีการแสดงภาพถ่ายทางอากาศใหม่ที่เป็นของกรมที่ดินซึ่งไม่ถูกต้อง แม้ว่าที่ธรณีสงฆ์หน้าวัดจะยังไม่มีการออกโฉนด แต่ทางวัดได้มีการขอออกโฉนดไว้แล้ว จึงอยากให้ชาวบ้านละแวกวัดให้นำโฉนดของท่านออกมาดู แล้วไปเทียบกับแผนที่ของที่ดินว่าตรงกันหรือเปล่ากับโฉนดของท่าน เพราะว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการออกมาจะทำให้ตารางแผนที่ตามโฉนดของท่านมีการคลาดเคลื่อนจากโฉนดต้นฉบับที่เราถืออยู่ จึงอยากให้ชาวบ้านเอาโฉนดออกมาดูแล้วเข้าไปที่สำนักงานที่ดิน ดูเว๊ปไซด์ของกรมที่ดินว่าโฉนดของท่านกับระวางที่ของกรมที่ดินนั้นตรงกันหรือเปล่า และอยากฝากถึงนายก อบต.คนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งด้วยว่า ถ้าได้รับเลือกตั้งเข้ามาแล้วก็ให้พิจารณาเรื่องทางสาธารณประโยชน์ที่ถูกบุกรุกก่อนลำดับแรก มิเช่นนั้นก็จะถูกร้องเรียนกล่าวโทษต่อ ปปช.มาตรา157เช่นกัน

อ่านแล้ว830 times!

แบ่งปันข่าวนี้ :

You May Also Like

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.