“ศาลทุจริตกลาง”รับนัดไต่สวนมูลคดี“วิระชัย”ยื่นฟ้อง“อดีตผบก.กองวินัย”ทำชวดเก้าอี้“เจ้ากรมปทุมวัน”
“ศาลทุจริตกลาง” นัดไต่สวนมูลฟ้อง ระหว่าง “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” ยื่นฟ้อง “พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์” แสดงข้อมูลเท็จทำชวดถูกส่งประกวด “ผบ.ตร.” สั่งหาหลักฐานประกอบคำฟ้องให้แน่นหนาภายใน 15 วัน
วันที่ 10 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อท.81/2564 ระหว่าง พล.ต..อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โจทก์ พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์ จำเลย กรณี พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์ ขณะดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บังคับการกองวินัย และได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 24/2563 ลงวันที่ 21 มกราคม 2563 ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ขณะดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น ได้ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ดังต่อไปนี้
- เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 เวลากลางวัน พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์ ทำหนังสือแสดงข้อความอันเป็นเท็จเสนอต่อ จเรตำรวจแห่งชาติ ผ่านผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี โดยไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาของนิติกรกองวินัย ตามหนังสือ กองวินัย ลับ ที่ 0006.2/3031 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2563 อาทิ ว่า “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา …มีพฤติการณ์ให้ข่าว… ได้ตัดประเด็นเรื่องชู้สาวความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว และขัดแย้งเรื่องธุรกิจ โดยเป็นการให้สัมภาษณ์มุ่งประเด็น Biometrics และเปิดเผยความลับเกี่ยวกับคดี …เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อเกียรติศักดิ์ของตำแหน่ง หน้าที่อย่างร้ายแรง พฤติการณ์และการกระทำเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง” ซึ่งความจริงแล้ว พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา มิได้ให้สัมภาษณ์ตัดประเด็นแต่อย่างใด ทั้งยังให้สัมภาษณ์ยืนยันอีกด้วยว่า “…ครับในเรื่องนี้เราก็ ดูทุกอย่างนะครับ ขณะนี้เนี่ยเราจะยังไม่ทิ้งประเด็นใดนะครับ แต่เพียงว่าประเด็นไหนให้น้ำหนักมากน้ำหนักน้อยเท่านั้นเองครับ แล้วก็ยังดูอยู่ทุกประเด็นครับ อย่างที่ท่านถามมาสักครู่นั้น เราก็ตรวจสอบอยู่เช่นเดียวกันครับ…” จึงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จเข้าสู่สำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง
- เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ระหว่างเวลาประมาณ 13.30 น. ถึง 15.30 น. พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์ ในฐานะ กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 6/2563 ว่า “การที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ให้สัมภาษณ์… มีเนื้อหาเป็นการ ตัดประเด็นเรื่องชู้สาว ความขัดแย้งเรื่อง ส่วนตัว และขัดแย้งเรื่องธุรกิจ โดยเป็นการให้สัมภาษณ์มุ่งประเด็น Biometrics ว่าอยู่ระหว่างสืบสวน…” ทั้งที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไม่มีข้อความใดในคำสัมภาษณ์ที่โจทก์กล่าวถึง Biometrics ในคำสัมภาษณ์มีเพียงนักข่าวได้ถามถึงว่า “มีประเด็นเกี่ยวข้อง ว่าเกี่ยวข้องกับทุจริต Biometrics แล้วก็ทุจริตรถไฟฟ้าอัจฉริยะ มีประเด็นนี้หรือเปล่าครับ?” เท่านั้น ซึ่ง พล.ต.อ.วิระชัย ก็ได้ตอบปฏิเสธไปว่า “…ยังสืบไปไม่ถึง…”
- พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์ กับพวกร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต สรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา โดยได้ยืนยันข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ ทั้งที่ทราบดีว่า การกระทำของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ไม่ได้เป็นการกระทำผิดทั้งทางอาญาและวินั
การกระทำของ พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์ ทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ถูกสำรองราชการ ทำให้โจทก์ขาดคุณสมบัติในการได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เสื่อมเสียต่อประวัติที่ทำคุณงามความดีต่อประเทศชาติมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี การกระทำของ พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 172,173, 267 และ มาตรา 157 ฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หลายกรรมต่างวาระกัน
พล.ต.ต.วิระชัย ทรงเมตตา จึงฟ้องคดีนี้ เพื่อเสนอศาลพิจารณาและลงโทษตามกฎหมาย
โดยการไต่สวนมูลฟ้องของศาลเป็นกระบวนการของศาลเพื่อวินิจฉัยถึงมูลคดี ซึ่งจำเลยต้องหาตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิอาญา มาตรา2 (12) ประกอบกับในชั้นตรวจฟ้องคดี ศาลอาจใช้ข้อเท็จจริงในรายละเอียดตามฟ้องและตามเอกสารที่โจทก์ หน่วยงานหรือบุคคลอื่นส่งต่อศาลประกอบการสั่งฟ้องด้วย อีกทั้งในการไต่สวนมูลฟ้องตาม ม.17 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ.วิ ทุจริตฯให้สิทธิ์แก่จำเลยที่จะแถลงให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอันสำคัญที่ศาลควรสั่งว่าคดีไม่มีมูลได้ จึงให้โจทก์ดำเนินการดังต่อไปนี้ภายใน 15 วันนับแต่วันนี้เป็นต้นไป
อ่านแล้ว508 times!