เมื่อ “วัคซีนโควิด-19” ถูกนำมาเป็นประเด็น “วัคซีนการเมือง” โดยนักเลือกตั้งได้คะแนนเสียงในพื้นที่

แบ่งปันข่าวนี้ :

เมื่อ “วัคซีนโควิด-19” ถูกนำมาเป็นประเด็น “วัคซีนการเมือง” โดยนักเลือกตั้งได้คะแนนเสียงในพื้นที่ แต่คนไทยทั้งประเทศต้องอยู่กับความเสี่ยง และกลายเป็นตัวประกันทางการเมือง  

สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังลุกลามบานปลาย ยอดตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่พุ่งหลักพันทุกวัน และมีคลัสเตอร์การแพร่ระบาดรวดเร็วกระจายเป็นวงกว้าง จึงมีเพียงแค่ “วัคซีน” ที่พอจะเป็นความหวังในการหยุดยั้งการแพร่ระบาด

นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา สำหรับวัคซีนกับการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะว่าการเมืองนั้นเป็นระบบการจัดการของประเทศ  เช่น จัดการงบประมาณ ,ทรัพยากร และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งการจัดการนั้นทางการเมืองก็จะเป็นผู้กำหนดนโยบาย และผู้ปฏิบัตินั้นคือพวกกระทรวงต่างๆ  โดยปัญหาในปัจจุบันเกี่ยวกับโควิดเป็นหน้าที่หลักของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงที่เกี่ยว  เช่น  ก.มหาดไทย  , ผู้ว่าฯแต่ละจังหวัด

นายแพทย์กล่าวต่อ การแพร่เชื้อโควิดตั้งแต่เฟส1เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 มาจนกระทั่งสิ้นปี 2563  มีคนติดเชื้อทั้งหมดประมาณ 3,000คน  โดยเฉลี่ยสัปดาห์นึงมีการติดเชื้อ 150คน  พอมาถึงเฟสที่2 เริ่มประมาณเดือนธันวาคม 2563จนถึงเดือนเมษายน 2564  ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น30,000-40,000ราย  และเฟส3เดือนเมษายน  64 ถึง พฤษภาคม2564 ไม่ถึง2เดือนดีซึ่งใน6สัปดาห์นี้  ผู้ป่วยสูงขึ้น 110,000รายและผู้เสียชีวิตเฉลี่ยนวันนึงประมาณ30-40คนและแน้วโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้น  3,000-4,000 ต่อวัน  สถานการณ์ปัจจุบันมีความรุนแรงมาก  ต้องแก้ปัญหาด้วยวัคซีน  ซึ่งทั้งปัญหาโควิด  ทั้งเฟส1และเฟส2 เอาอยู่ไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนแต่มาเฟส3จำเป็นอย่างมากต้องใช้วัคซีนเข้ามาแก้ปัญหา  ถ้าจะกล่าวถึงวัคซีน   ซึ่งโรคโควิดที่เกิดขึ้น  เป็นโลกใหม่  และวัคซีนก็ต้องใหม่ ซึ่งจะนำมาทดลองใช้กับมนุษย์  การทดลองต้องใช้เวลา 3-4ปี แต่มาถึงวัคซีนป้องกันโควิด ไม่สามารถใช้ทดลอง3-4ปีได้  ซึ่งมหาอำนาจของโลก เช่นจีน , อเมริกา,รัสเซีย ,เยอรมัน,ยุโรปต่างวิจัยและผลิตวัคซีนขึ้นมาได้ในเวลา 1ปี ซึ่งตามหลักของวัคซีน  ต้องมีการทดลองก่อนนำออกมาใช้จริงในวงกว้าง  ต้องทดลองกับบุคคลเป็นแสนเป็นหมื่นคน  จึงสามารถนำออกมาใช้ได้  แต่ตอนนี้วัคซีนโควิดเอามาใช้กับคนเลย  เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีน ที่จะนำมาใช้กันคนไทยในประเทศ จึงจำเป็นอย่างต้องฉีดอย่างระมัดระวังและอยุ่ในการดูแลของแพทย์ซึ่งผู้ที่ฉีดแล้วต้องนั่งดูอาการ45นาที

ทางรัฐบาลได้ติดต่อหลายช่องและหลายประเทศในการที่จะได้วัคซีนมาซึ่งทางเราใกล้ชิดกับประเทศจีน  จีนก็เลยส่งวัคซีนซิโนแวคมา ส่วนในประเทศอังกฤษเราทำวิจัยร่วมกับเขาโดยบริษัทสยามไบโอไซน์นั้นทางอังกฤษจะถ่ายทอดเทคโนโลยีมาให้เราแต่ระหว่างที่เขาจะถ่ายทอดเทคโนโลยีมาและให้เราผลิตเองนั้นเขาจะส่งวัคซีนมาให้เราใช้ก่อนคือ แอสตราเซเนกาซึ่งแอสตราเซเนกา ตั้งแต่มิถุนายนเป็นต้นไป ทางเราก็จะสามารถผลิตเองได้แล้ว  ซึ่งจะผลิตได้โดยเฉลี่ยปีละ200ล้านโดสซึ่งทำให้เพียงกับคนไทยใช้อย่างเก่งตาอปี130ล้านโดสที่เหลือก็จะเผื่อแพ่ให่กับประเทศอาเซียนหรือขายให้ประเทศแถบอื่นตรงนี้ก็จะกลายเป็นเศรษฐกิจว่าด้วยเรื่องวัคซีนซึ่งสำหรับปีแรกนี้  เรายังไม่สามารถผลิตเองได้  เราจึงต้องนำเข้าวัคซีนจากอังกฤษและจีน ซึ่งแต่ละวัคซีนนำเข้ามาจะช้าต้องใช้เวลาดังนั้นแล้วรัฐบาลต้องทำอะไร,กระทรวงสาธารณสุขจะต้องทำยังไงซึ่ง
1.ต้องเตรียมกระจายจุดฉีดวัคซีนไม่ให่อยู่ในจุดเดียวหรือสองที่ มันต้องกระจายไปทั่วประเทศ
2.ต้องประชาชนขึ้นทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนที่เขาเรียกว่าแอปหมอพร้อม

ซึ่งทางรัฐบาลได้เตรียมแผนถึงสิ้นปี64จะมีวัคซีนฉีดให้ประชาชนอย่างน้อย100ล้านโดสและเตรียมอีก150ล้านโดสสำหรับชาวต่างประเทศที่จะมาเมืองไทยซึ่งเป้าหมายของรัฐบาลอย่างให้คนในประเทศได้รับวัคซีนครบทุกคน เพราะว่าถ้าได้รับวัคซีนครบก็จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ทีนี้เราก็สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศไทยได้อย่างมั่นใจและจะทำให้เศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนของการฉีดวัคซีน  มกราคมปี65การท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคมจะกลับมาฟื้นตัวอย่างแน่นอน  ถ้ามองถึงจังหวัดภูเก็ตมีประชากรประมาณ3แสน  ทางภาครัฐตั้งเป้าฉีดให้ครบ100%อย่างเร็วที่สุดจะสามารถเปิดรับท่องเที่ยวให้มาเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้ รวมได้พังงา สมุย

ถ้าจะกล่าว  วัคซีนเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างไร  ซึ่งสองเดือนแรกจะโกลาหลเช่นการลงทะเบียนแอปหมอพร้อมเกิดปัญหา  ประชาชนไปลงแล้วบอกไม่ได้ติดตรงนั้นตรงนี้ ไม่ได้วันนัดพอเกิดการโวยวายปัญหาปุ๊บการเมืองเข้าแทรกเลยซึ่งวัคซีนได้รับมา2ล้าน-3ล้านโดสซึ่งต้องกระจายไปในจังหวัดต่างๆ ก็ปรากฏว่าที่นักการเมืองแข็งแรง ก็จะกระจายไปตามจังหวัดพวกของตนจึงทำให้ไม่สามารถกระจายวัคซีนเป็นไปตามหลักวิชาการ ซึ่งบอกกล่าวไว้วัคซีนต้องกระจายไปในจุดที่มีผู้ติดเชื้อเยอะซึ่งการเมืองเข้ามามีบทบาทแม้จังหวัดมีผู้ติดเชื้อหลักร้อยแต่จะเอาวัคซีนหลักหมื่นซึ่งในปัจจุบันมีความขัดแย้งทางการเมืองอยู่แล้ว มันก็เลยกลายเป็นวัคซีนการเมือง  เป็นการเมืองว่าด้วยเรื่องวัคซีนกล่าวทิ้งท้าย

โดยในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลนำเข้าวัคซีนมาแล้วกว่า 6 ล้านโดส แบ่งเป็น วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 โคโรนาแวค 2 แสนโดส  แอสตราเซเนกา 1.17 แสนโดส วันที่ 20 มีนาคม ซิโนแวค 8 แสนโดส วันที่ 10 เมษายน ซิโนแวค 1 ล้านโดส วันที่ 24 เมษายน ซิโนแวค 5 แสนโดส วันที่ 6 พฤษภาคม ซิโนแวค 1 ล้านโดส วันที่ 14 พฤษภาคม ซิโนแวค 5 แสนโดส วันที่ 15 พฤษภาคม ซิโนแวค 5 แสนโดส และปลายพฤษภาคม ซิโนแวค 1.5 ล้านโดส

ขณะที่แผนส่งมอบวัคซีนแอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส จะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 10 ล้านโดส เดือนกรกฎาคม 6 ล้านโดส  เดือนสิงหาคม 10 ล้านโดส เดือนกันยายน10 ล้านโดส เดือนตุลาคม 10 ล้านโดส เดือนพฤศจิกายน 10 ล้านโดส และเดือนธันวาคม 5 ล้านโดส

อ่านแล้ว377 times!

แบ่งปันข่าวนี้ :

You May Also Like

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.