191รวบมิสเตอร์โนบอดี้ ตระเวนลักทรัพย์หมู่บ้านหรู ”

ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามอาชญากรรมทั่วไป และอาชญากรรมที่เกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผช.ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สินของประชาชนอย่างจริงจัง
กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย
พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ., พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล , พ.ต.อ.กรกฎ โปชยะวณิช, พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ, พ.ต.อ.อาวุธ อุดมรัตน์, พ.ต.อ.อภิฌาน สวัสดิบุตร, พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง, พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์, พ.ต.ท.ศตวรรษ คนชุม ,พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส รอง ผกก.สายตรวจฯ ,พ.ต.ต.ณัฐดนัย บำรุงศรี สว.งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติดังนี้
จับกุมผู้ต้องหาจำนวน ๒ ราย
๑. นายแก้ว หรือนายกฤษณีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ ๔๓ ปี(บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน) (ผู้ถูกจับที่ ๑)
๒. นายนิติกร หรือนิ (สงวนนามสกุล) อายุ ๓๕ ปี (ผู้ถูกจับที่ 2)
พร้อมด้วยของกลาง
๑. ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ไอซ์) ชนิดเกล็ดใส บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสชนิดกดปิด-ดึงเปิด น้ำหนักชั่งพร้อมถุงประมาณ ๐.๔๘ กรัม
๒. ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) ชนิดเม็ดกลมแบน สีส้ม บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสชนิดกดปิด-ดึงเปิด จำนวน ๑ ถุง มียาบ้าจำนวน ๒๗ เม็ด
๓. อุปกรณ์การเสพยาเสพติด จำนวน ๒ ชุด
พร้อมสิ่งของที่ตรวจยึด
๑. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซีบี ๕๐๐ เอ็กซ์เอ สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ๑กฎ ๘๘๗๗ ชลบุรี พร้อมกุญแจ ๑ ชุด (รถจักรยานยนต์ ที่นายแก้วหรือนายกฤษณีย์ฯ ใช้ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ )
๒. หมวกนิรภัย(หมวกกันน็อค) ยี่ห้อไอดี สีดำมีลายสีม่วงเขียว จำนวน ๑ ใบ
๓. ธนบัตรไทย ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท จำนวน ๕ ฉบับ
๔. เหรียญสกุลเงินต่างประเทศ จำนวน ๓๕ เหรียญ
๕. กำไร คล้ายหยก จำนวน ๑ วง
๖. แหวน จำนวน ๔ วง
๗. กระเป๋าสะพาย สีดำ จำนวน ๑ ใบ
๘. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO รุ่น A๑๗ สีฟ้า จำนวน ๑ เครื่อง





โดยแจ้งข้อกล่าวหา
“ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ไอซ์,ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมแฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”
สถานที่จับกุม บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ถ.รังสิต-นครนายก ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
วัน เดือน ปี ที่ตรวจค้น/จับกุม วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 21.40 น.
-2-
พฤติการณ์กล่าวคือ ด้วยเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๖.๒๖ น. สน.คันนายาว และ งานสายตรวจ2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้รับแจ้งเหตุว่าภายในหมู่บ้านย่านปัญญาอินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เกิดเหตุทรัพย์สินภายในบ้านถูกรื้อค้นและมีทรัพย์สินสูญหาย โดยไม่ทราบว่ามีผู้ใดเอาไป โดยทรัพย์สินที่สูญหายคือ ธนบัตรเงินต่างประเทศ เช่น ธนบัตรเงินดอลลาร์สหรัฐ, ธนบัตรเงินดอลลาร์ไต้หวัน และธนบัตรเงินหยวน รวมมูลค่าเป็นเงินไทยราคาประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ผู้แจ้งได้รับความเสียหายจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์แก่พนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว และ ตำรวจงานสายตรวจ2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้ทำการสืบสวนจนกระทั้งทราบตำหนิ รูปพรรณ และยานพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ โดยลักษณะแผนประทุษกรรมในครั้งนี้พบว่า คนร้ายจะขับขี่รถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะและเดินสำรวจมาตามเส้นทางที่คนร้ายใช่ก่อเหตุและหลบหนี โดยคนร้ายจะเลือกเป้าหมายที่เป็นหมู่บ้านหรู จนได้มีโอกาสก่อเหตุ ในหมู่บ้านหรูย่านรามอินทรา โดยเมื่อคนร้ายก่อเหตุจะมีการเปลี่ยนเสื้อผ้า และใช้ถุงน่องปิดบังบริเวณศีรษะเพื่อให้ไม่สามารถจดจำตำหนิรูปพรรณของตนเองได้ เมื่อก่อเหตุเสร็จคนร้ายก็ได้เปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิม และขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว และ ตำรวจงานสายตรวจ2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้รวบรวมพยานหลักฐานจัดทำรายงานการสืบสวนส่งมอบให้แก่ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ สน.คันนายาว ดำเนินการขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญามีนบุรี และต่อมาศาลอาญามีนบุรีได้อนุมัติหมายจับบุคคลดังกล่าว ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืนและลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด
ต่อมาวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่าชายไทยไม่ทราบชื่อ ปรากฏตามภาพถ่าย ตามหมายจับฉบับดังกล่าวหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ถ.รังสิต-นครนายก ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้รับคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ2 ชุดจับกุม ออกเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ถ.รังสิต-นครนายก ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ จอดอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ2 ชุดจับกุม จึงกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านหลังดังกล่าว
จนกระทั้งเวลาประมาณ ๒๑.๔๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบชายไทยไม่ทราบชื่อ ซึ่งมีลักษณะรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับฉบับดังกล่าว (ต่อมาทราบว่าชื่อนายแก้ว หรือนายกฤษณีย์ สงวนนามสกุล/ผู้ถูกจับที่ ๑) และนายนิติกร หรือนิ สงวนนามสกุล (ผู้ถูกจับที่ ๒) อยู่ที่บริเวณหน้าบ้านกำลังช่วยกันเข็นรถจักรยานยนต์เข้าไปเก็บที่บริเวณข้างบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งแสดงหมายจับฉบับดังกล่าวให้นายแก้ว ฯ(ผู้ถูกจับที่ ๑) ดูและอ่านเอง นายแก้ว ฯ(ผู้ถูกจับที่ ๑) รับว่าตนเองเป็นบุคคลตามภาพถ่ายในหมายจับฉบับดังกล่าวจริง และจากการซักถามขยายผลนายแก้วฯ(ผู้ถูกจับที่ ๑) ให้การว่าตนได้เข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านที่เกิดเหตุในหมู่บ้านปัญญาอินทราจริง และได้มาพักที่บ้านของนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ ๒) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอเข้าตรวจสอบภายในบ้านพักของนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ ๒) เพื่อตรวจสอบหาทรัพย์สินที่ได้จากการประทุษกรรมมาเพื่อตรวจยึดไว้เป็นของกลาง โดยนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ ๒) ซึ่งเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าวยินยอมและสมัครใจด้วยตนเองนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจสอบภายในบ้านพัก ผลการตรวจสอบไม่พบทรัพย์สินที่ได้จากการประทุษกรรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจพบยาเสพติด(ของกลางรายการที่ ๑ – 2) และอุปกร์การเสพยาเสพติด(ของกลางรายการที่ ๓) วางอยู่ที่บริเวณห้องนอนชั้นล่างซึ่งเป็นห้องนอนของนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ ๒) สอบถามนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ ๒) ให้การรับว่ายาเสพติดที่พบนั้นเป็นของนายแก้ว ฯ(ผู้ถูกจับที่ ๑) ซึ่งเอามาเสพร่วมกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งแก่ผู้ถูกจับทั้งสองคนว่าพวกเขาต้องถูกจับกุมพร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ทราบ
-๓-






ต่อมาได้นำตัวผู้ถูกจับทั้งสองคนมาจัดทำประวัติและบันทึกจับกุมที่ งานสายตรวจ2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ต่อมาได้ขอทำการตรวจปัสสาวะเบื้องต้นของผู้ถูกจับทั้งสองคน ผลการตรวจพบสารเสพติดในร่างกายทั้งสองคน จึงนำไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกายอีกครั้งที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี โดยผู้ถูกจับกุมทั้งสองคนยินยอมและสมัครใจ ผลการตรวจพบสารเสพติดในร่างกายผู้ถูกจับกุมทั้งสองคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับกุม
ทั้งสองคนทราบอีกครั้งว่า “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ไอซ์,ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมแฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” พร้อมทั้งแจ้งสิทธิให้ทราบ ชั้นจับกุมนายแก้ว ฯ(ผู้ถูกจับที่ ๑) และนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ ๒) ทราบข้อกล่าวหาแล้วให้การรับสารภาพ
จากการตรวจสอบประวัตินายแก้วฯ(ผู้ถูกจับที่ ๑) พบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ ๗๕๕/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืนและลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด, หมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 478/2565 ลงวันที่ 23 ตุลาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า, หมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 477/2565 ลงวันที่ 23 ตุลาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน
และพบประวัติการกระทำความผิดและเคยถูกจับกุม อีก 7 คดี ประกอบด้วย
๑. คดีเสพยาเสพติด ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา ปี 2553
- คดีพกพาอาวุธปืนฯ พื้นที่ สภ.นิคมพัฒนา จว.ระยอง ปี 2554
- คดีครอบครองยาไอซ์ พื้นที่ สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี ปี 2558
- คดีเสพยาเสพติดในขณะขับขี่ พื้นที่ สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี
- คดีลักทรัพย์โดยทำลายสิ่งกีดขวาง
- คดีลักทรัพย์ พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี
- คดี มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สน.สำราญราษฎร์
จากการตรวจสอบประวัตินายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ ๒) พบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 264/2566 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
จากนั้นนำตัวผู้ถูกจับทั้งสองคนพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา : กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)
อ่านแล้ว385 times!