ตร.ทางหลวงอยุธยา บุกรวบหนุ่ม 19 ผู้ต้องหาตามหมายจับรับจ้างเปิดบัญชีม้าคารถประจำทาง อ้างทำไปเพราะไม่รู้ซ้ำถูกหลอกไปประเทศเพื่อนบ้านยังถูกทำร้าย

เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 30 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.๑ บก.ทล.(อยุธยา) นำโดย พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ สวญ.ส.ทล.1กก.1บก.ทล.,ว่าที่ พ.ต.ท.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ สว.ส.ทล.1กก.1บก.ทล.,ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์ รอง สว.(ป)ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ด.ต.วิชัย ตามสมัย ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. บูรณาการร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา

ได้รับแจ้งจากสายลับ แจ้งว่า นาย อนันต์ วงค์เริง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 8/2567 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ซึ่งกระทำผิดฐาน “ สนับสนุนหรือร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือโดยหลอกลวง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเองเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด ” จะมีการเดินทางผ่านมาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาพร้อมชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวน จนทราบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับจะมีการโดยสารมากับรถโดยสารประจำทางเข้ากรุงเทพมหานคร จึงทำการตรวจสอบ บริเวณ กม.48 – 49 คู่ขนาน ถนนพหลโยธิน(ขาเข้า) ทล.1 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พบบุคคลคล้ายผู้ต้องหาตามหมายจับนั่งโดยสารมากับรถ จึงเรียกรถคันดังกล่าวให้หยุด พบ นายอนันต์ วงค์เริง อายุ 19 ปี ชาวหมู่ที่ 8 ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ตามหมายจับ จึงได้เชิญตัวมาสอบสวนอย่างละเอียดที่ สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง

จากสอบถาม นายอนันต์ ยอมรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลที่ปรากฏชื่อ ตามหมายจับจริงและรับว่าตนเองเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตัวในคดีนี้มาก่อน พร้อมเล่าว่าจุดเริ่มต้น ช่วงนั้นตนเองหางานทำ ก็ไปโพสหางานในโซเชียล เพจหางานพัทยา และก็มีคนเสนอให้ไปทำเกี่ยวกับไฟแนนซ์แถวสระแก้ว ให้ไปเปิดบัญชี ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่ได้ศึกษาหรือรู้ว่ามีบัญชีม้า จึงได้ไปเปิด 5 บัญชี พอเปิดเสร็จก็ไปหาเขาที่จังหวัดสระแก้ว และเขาก็ให้คนมารับอีกที ข้ามไปที่ปอยเปต ไปอยู่ที่คาสิโน พอข้ามไปเขาก็จะให้ไปย้ายแอฟธนาคารเข้าไปในโทรศัพท์หลายๆเครื่อง จากนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาเอาไปทำอะไร พอบัญชีถูกอาญัติหมดประโยชน์เขาก็ส่งตัวเองกลับมา พอกลับมาก็ไม่ได้อะไรเลย ไปอยู่ก็ไม่ได้อะไรเลย หลอกว่าจะให้เงินเดือน 20,000 บาท ไปอยู่มา 2 เดือนก็ไม่ได้อะไร แต่เลี้ยงข้าว ตอนแรกที่ลงไปประมาณ 1 – 2 อาทิตย์ ผมไม่ยอมแสกนหน้า เพราะผมรู้แล้วว่าน่าจะเอาบัญชีไปทำสิ่งไม่ดี ก็ทำร้ายร่างกาย ทั้งทุบตี กระบอง และเอาปืนจี้หัว จนต้องยอมทำเรื่อยๆมา พอกลับมาไทยเริ่มทำงานไม่ได้สนใจ ตั้งใจหาเงินว่าจะไปโรงพักเพื่อไปบอกว่าไม่รู้เรื่องนี้ แต่ไม่ทันได้ไปก็มาถูกจับเสียก่อน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งว่าต้องถูกจับและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับพร้อมแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบเข้าใจดีในชั้นจับกุม และในชั้นจับกุม ให้การ รับสารภาพ จึงได้ทำการควบคุมตัวพร้อมทำบันทึกจับกุมนำส่ง สภ.บ่อพลอย จว.กาญจนบุรี เพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังฝากกรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างถูกหลอกเปิดบัญชีม้าซ้ำยังถูกหลอกให้ไปประเทศเพื่อนบ้านกลับไม่ได้เงินซ้ำยังถูกทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ตามฝากให้ประชาชนระมัดระวังตัวจากกลุ่มมิจฉาชีพให้มากๆเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
อ่านแล้ว184 times!