ตำรวจไซเบอร์ แถลงผลปฎิบัติการ Shutdown Fake Loan ทลายเครือข่ายแก๊งเงินกู้ทิพย์ออนไลน์

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 เม.ย. ที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ ทัพวงษ์ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.เอกวีร์ พงศ์สร้อยเพ็ชร รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5 พ.ต.อ.ปณิธาน ยามานนท์ ผกก.2 บก.สอท.5 พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.4 บก.สอท.5 ว่าที่ พ.ต.อ.จักร ถนัดอักษร ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.5 และนายอนุวัต เฟื่องทองแดง ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องวัน 31 เจ้าของสโลแกน “อนุวัตจัดให้” ร่วมแถลงข่าวสรุปปฎิบัติการ Shutdown Fake Loan ทลายเครือข่ายแก๊งเงินกู้ทิพย์ออนไลน์


พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า วานนี้ทางบช.สอท. นำกำลังปิดล้อมตรวจค้น 4 จุดใน 2 จังหวัด ประกอบไปด้วยกรุงเทพมหานคร,จ.สระแก้ว ซึ่งจุดที่น่าสนใจคือการตรวจค้นห้องเพนต์เฮาส์ ชั้น 34 ภายในคอนโดหรูใจกลางกรุงย่านสุขุมวิท มูลค่ากว่า 64 ล้านบาท อย่างไรก็ตามภาพรวมคดีนี้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งมีทั้งผู้บริหารบัญชีม้า ,คนกลางในการทำหน้าที่หาทรัพย์สิน,บัญชีม้า 37 รายจาก 52 หมายจับ ยึดทรัพย์เป็นคอนโดหรู 2 แห่งมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท สุราต่างประเทศหลายยี่ห้อ อาทิ Hennessy Paradis จำนวน 11 ขวด , Hennessy XO จำนวน 6 ขวด,Moutai 15 ขวด สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ยาเสพติด เป็นต้น






พฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายจะออกอุบายโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะให้วงเงินสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเงินเร็ว และใช้เอกสารน้อย จากนั้นจะให้แอดไลน์ติดตั้งแอปพลิเคชันเงินกู้ของมิจฉาชีพ มีการอ้างว่าผู้เสียหายจะได้รับเงินที่ขอกู้ยืมจริง แต่ต่อมามีเงื่อนไขต่างๆ เช่น ต้องโอนเงินมัดจำก่อน ต้องทำกรมธรรม์คุ้มครองวงเงิน ต้องจ่ายค่างวดล่วงหน้า หรือแจ้งว่ามีการกรอกเลขบัญชีธนาคารผิด ต้องจ่ายเงินเป็นค่าเครดิต เป็นค่ารหัสผ่านในการถอนเงิน เป็นต้น เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับเงินเเต่อย่างใด ซึ่งจากสถิติการแจ้งความของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า หลอกลวงประชาชนให้กู้ยืมเงินผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ สูงเป็นอันดับ 3 ที่พี่น้องประชาชนเดือดร้อน มีผู้เสียหายรวมกว่า 400 รายด้วยกันจาก 5 เครือข่ายคนร้าย อย่างไรก็ตา ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมหรูเป็นระดับผู้บริหารบัญชีม้าและเป็นระดับนายทุน จากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีการถือ 2 สัญชาติโดยเป็นสัญชาติจีนและสัญชาติกัมพูชา พบเส้นทางการเงินถูกโอนจากบัญชีในประเทศไทยไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านทางผู้บริหารบัญชีม้า และส่งต่อไปยังบัญชีม้าต่างๆอีกหลายทอด พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีเป็นจำนวนมากหลายล้านบาท โดยมีการนำเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนไปซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นคอนโดมิเนียมหรูมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ซึ่งตำรวจจะประสานไปยังปปงและกรมบังคับคดีให้ช่วยนำทรัพย์สินขายทอดตลาดและนำเงินเฉลี่ยมาคืนให้กับผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความไว้จำนวนกว่า 400 รายทั้งหมด
ในส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับ 52 หมายที่มีการออกหมายจับไปแล้วพบว่า มีการทำหน้าที่แตกต่างกันออกไปตั้งแต่ผู้บริหารบัญชีม้า ทั้งชาวไทยและชาวจีน บัญชีม้าแถว 3 และแถว 4 ซึ่งจากการสอบปากคำพบว่าผู้บริหารบัญชีม้าจะตระเวนหาคนเปิดบัญชีโดยจะให้ค่าจ้าง 10,000 บาทต่อ 3 บัญชี โดยที่ผู้บริหารบัญชีม้าจะได้รับเงินค่าคอมมิชชั่น 3,000 บาท และยังพบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดมีความเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายแก๊งมิจฉาชีพแก๊งกู้เงินทิปและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆรวม 5 เครือข่ายซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลไปถึงเครือข่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง



ด้านนายอนุวัฒน์ ได้กล่าวขอบคุณกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์พร้อมเปิดใจว่าไม่คิดว่าจะจับกุมขบวนการดังกล่าวได้ทั้งขบวนการตั้งแต่ระดับนายทุนไปจนถึง admin เพราะคิดว่าจะได้เพียงบัญชีม้าแถวล่างๆเท่านั้น ทั้งนี้ยังฝากให้ทางตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยจัดการกับแก๊งเงินกู้ทิศเหล่านี้ซึ่งมีการประกาศเชิญชวนทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆทั้ง facebook และ tiktok ซึ่งแม้ตนเองได้ติดต่อไปครั้ง 2 platform แต่ก็ได้รับคำตอบว่าให้กด report เอง จึงขอให้ตำรวจช่วยประสานบล็อกกลุ่มต่างๆเหล่านี้ที่มีมากขึ้นทุกวัน
//////
อ่านแล้ว243 times!