พี่ชายพาครอบครัว บุกโรงพักร้องคดีน้องชายถูกทำร้ายร่างกายนานกว่า 3 เดือนคดีไม่คืบ

แบ่งปันข่าวนี้ :

พี่ชายพาครอบครัว บุกโรงพักร้องคดีน้องชายถูกทำร้ายร่างกายนานกว่า 3 เดือนคดีไม่คืบ ตำรวจยันออกหมายจับได้แล้ว 1 คน ถ้าพบว่าใครผิดดำเนินคดีให้หมด

วันที่ 27 มกราคม 2566 ที่ สถานีตำรวจภูธรลาดบัวหลวง อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา   นายอัฑฒ์ฐนิตญ์ ทรัพย์บวร ( พี่ชาย ) อายุ 41 ปี นางสาวเกษรา ทรัพย์บวร ( พี่สาว )  อายุ 38 ปี พร้อมด้วย นางสาวกิ่งไผ่ อามะเหม็ด  อายุ 36 ปี  ( ภรรยา ) ของ นาย ธวัชชัย ทรัพย์บวร อายุ 35 ปี ชาว อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายร่างกาย  เหตุเกิด หมู่ที่ 1 ตำบลหลักชัย อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  จนอาการสาหัสต้องรักษาตัวนานกว่า 2 เดือนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา  เข้าร้องเรียนกับ พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.สภ.ลาดบัวหลวง หลังคดีผ่านมากว่า 3 เดือน ไม่มีความคืบหน้า

                นาย  อัฑฒ์ฐนิตญ์ ทรัพย์บวร  ( พี่ชาย )   พร้อมกับพี่สาวและภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้น้องชายของตนเองเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับ คู่กรณีในเรื่องของชู้สาวจนมีการบุกเข้ามาทำร้ายร่ายกายและพังบ้านจนได้รับความเสียหาย ครั้งนั้น มีการตกลงยอมความกับชดใช้ค่าเสียหาย ตนเองห่วงน้องชายว่า อาจจะมีปัญหากันกับคู่กรณีอีกจึงได้ให้น้องชายย้ายไปอยู่กับญาติที่จังหวัดอื่นก่อนสักระยะหนึ่ง จนเวลาผ่านไปได้ประมาณ 1 ปี น้องชายได้กลับมาอยู่ที่บ้านที่อำเภอลาดบัวหลวง 

เมื่อคืนวันที่  2 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา มีเพื่อนของน้องชายโทรศัพท์ ชักชวนให้ออกไปหา น้องชายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไป จนช่วงกลางดึกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งมาว่า  น้องชายของตนเองถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัส  ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลลาดบัวหลวง มีการย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา สภาพน้องชายคือมีบาดแผลฉกรรจ์ บริเวณใบหน้า แขนและตามร่างกาย  รักษาตัวได้ประมาณ 50 วัน เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา น้องชายเสียชีวิตภายหลังเกิดเหตุ ตนเองได้ติดตามสอบถามเรื่องราวที่เกิดเหตุขึ้นมีพยานให้ข้อมูลกับตนเองว่าน้องชายถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ ประมาณ 5- 6 คนทำร้ายร่างกายใช้อาวุธไม้ และเท้ารุมทำร้ายร่างกายจนสลบก่อนที่จะมีคนเข้าไปช่วยนำส่งโรงพยาบาล รักษาตัวจนเสียชีวิต เหตุการณ์ผ่านไปประมาณ 3 เดือน คดีความไม่มีความคืบหน้า คนที่รู้จักบอกมาตลอดว่าเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ยังใช้ชีวิตประจำวันปกติ ตนเองและคนในครอบครัว โดยเฉพาะแม่ของตนเองหวาดผวาทุกคืน นึกภาพน้องชายถูกทำร้ายร่างกาย ร้องครวญคราวด้วยความเจ็บปวด แม่น้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้น้องชายทุกวัน ด้วยความสงสสาร  เวลาเห็นข่าวเรื่องการทำร้ายร่างกาย จะนึกถึงน้องชาย ตลอดไม่กล้าดู คิดถึงและนึกถึงสงสารน้องชายมาก ถ้าน้องชายของตนเองไปทำอะไรให้คู่กรณีไม่พอใจ โกรธแค้น แค่ชกต่อย  เตะกระทืบ สั่งสอนกันก็พอ เข้าใจว่าเป็นเรื่องของลูกผู้ชาย  ตนเองพอรับได้  แต่การกระทำครั้งนี้มันเกินกว่าเหตุไปรุมทำร้ายกันรุนแรงมากเกินไปจนตนเอง ต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้น้องชายครั้งนี้ พยานหลายคนไม่กล้าให้ข้อมูลเพราะเกรงกลัวคู่กรณี อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยให้ความเป็นธรรมเร่งรัดจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีด้วย

ด้าน พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.สภ.ลาดบัวหลวง ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางครอบครัวและเตรียมที่จะให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น

พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.สภ.ลาดบัวหลวง เปิดเผยว่า คดีนี้  เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565  เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งมีคนถูกทำร้ายอาการสาหัสได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับประสานช่วยเหลือคนเจ็บไปรักษาตัวโรงพยาบาลลาดบัวหลวงและส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลเสนา   ผู้บาดเจ็บอาการสาหัสไม่สามารถให้สอบปากคำได้  รักษาตัวอยู่เดือนกว่า และก็เสียชีวิตเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา   ในการสืบสวนเราขาดพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ และเห็นเหตุการณ์จนมีการสืบสวนจนทราบถึงตัวพยาน ที่ได้หลบหนี ออกนอกพื้นที่ไป พึ่งจะติดตามยอมมาให้การสอบปากคำ ได้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งพยานให้การว่าใครทำร้าย จนทราบตัวคนที่ก่อเหตุแล้วมีประมาณ 3 คน สามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับได้แล้ว 1 ราย  ได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน อยู่ระหว่างติดตามไปจับกุมตัว

หากมีการสอบสวนพบว่ามีใครร่วมก่อเหตุ มีเพิ่มเติมอีก จะดำเนินการออกหมายจับและติดตามจับกุมตัว   ขอยืนว่าคดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ตนเองลงพื้นที่สอบสวนติดตามพยานมาสอบสวนด้วยตนเอง ขอรับรองว่าถ้าสืบสวนแล้วพบว่ามีใครเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งหมดตามพยานหลักฐานที่มีทั้งหมด

อ่านแล้ว501 times!

แบ่งปันข่าวนี้ :

You May Also Like

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.